วิธีรับมือความกลัว วิตกกังวล

รู้จักความกลัว 2 ประเภท

1. ความกลัวที่ดี (Healthy Fear) หรือปัญหาจริง

ความกลัวประเภทนี้เกิดจากภัยคุกคามจริง และจะหายไปเมื่อผ่านพ้นไป

ความกลัวเป็นเหมือนรั้วป้องกัน เพื่อปกป้องเรา ไม่ใช่รั้วขวางกั้น หรือขังเราไว้

ความกลัวไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีเสียทีเดียว เราถูกสร้างมาให้มีความกลัว เพื่อปกป้องเราจากอันตราย จะได้ระมัดระวัง หลีกเลี่ยงอันตราย โดยเฉพาะตอนเด็ก ๆ

เราจะเรียนรู้วิธีจัดการกับความกลัวจากพ่อแม่ ครู และช่วงวัยเด็ก การจัดการกับความกลัว รวมทั้งการวิตกกังวลเป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องพัฒนา เพื่อไม่ให้ขี้กลัวจนเกินไป หรือ ท่วมท้น เช่น กลัวการข้ามถนน ขึ้นบันได และเรียนรู้จากพ่อแม่ว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะปลอดภัย หรือกังวลว่าจะสอบตก ก็จะทำให้เรารู้จักที่จะเตรียมตัวก่อนสอบ หรือ กลัวตกเครื่องบิน ก็จะทำให้เราเตรียมตัวก่อนออกเดินทาง

2. ความกลัวที่ไม่ดี (Unhealthy Fear) หรือความกลัวที่คิดไปเอง

 มักจะเป็นความคิดกลัวที่คิดล่วงหน้าไปเอง คิดว่าจะมีเหตุร้าย ภัยคุกคาม เกิดขึ้น โดยยังไม่ได้อยู่ในสถานการณ์จริงแต่เป็นการคาดการณ์แบบติดลบ เช่น กลัวเจ็บป่วย กลัวอุบัติเหตุ กลัวตกเครื่องบิน กลัวล้ม กลัวว่าจะเกิดขึ้นอีก โดยทั่วไปมักจะกลัวจนกว่าความคิดว่าจะมีภัยคุกคาม อันตราย นั้นหายไป

ความคิดกลัวว่าจะเกิดอะไรเลวร้าย แย่ ๆ (Catastrohpic  Thinking) แบบนี้มักจะเกิดจากประสบการณ์ในอดีต เข่น การสูญเสียคนรัก พ่อแม่ สุขภาพ การเงิน เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความวิตกกังวล เพราะทุกอย่างในชีวิตเปลี่ยนแปลงหมด ความตายเตือนให้เราทำให้รู้สึกว่าชีวิตไม่แน่นอน ไม่ปลอดภัย

ตระหนักรู้ถึงความคิดวิตกกังวลของคุณ

ความคิดวิตกกังวล มักจะคิดถึงผลลัพธ์ติดลบ เลวร้าย แย่ ๆ มักจะคิดว่าไม่มีความสามารถในการจัดการ รับมือ แก้ปัญหา

ความคิดปกติ มักจะคิดถึงผลลัพธ์อย่างมีเหตุผล เป็นจริง มักจะคิดว่ามีความสามารถในการจัดการ รับมือ แก้ปัญหา

เข้าใจความรู้สึกของคุณ

วิตกกังวล =     รู้สึกไม่แน่นอนกับอนาคต

กลัว     =        รู้สึกว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้น

เครียด =        รู้สึกว่ามีอะไรต้องทำมากเกินไปแต่มีทรัพยากรจำกัด เช่น เวลา เงิน

กดดัน =         รู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญนั้นขึ้นอยู่กับผลของการกระทำ หรือ พฤติกรรม  ของคุณ หรือ การตัดสินใจ

วิธีจัดการความกลัวประเภทที่ 1 เปลี่ยนจากคิดกังวล เป็นคิดวางแผน

  1. คุณกังวล กลัว เครียด เรื่องอะไร

ไม่ปฏิเสธ แต่ ค้นหาสาเหตุที่แท้จริง 

  • คุณสามารถทำอะไรกับปัญหานี้ได้บ้าง เขียนตัวเลือก
  • หาวิธีแก้ปัญหาร่วมกับพระเจ้า วิธีแก้ที่ปฏิบัติได้จริง ไม่ใช่ เดี๋ยวอธิษฐานถามพระเจ้า ก่อน หรือ รอพระเจ้า เคลื่อน  อย่าปฏิเสธ หรือ ปัดความรับผิดชอบให้พระเจ้าดูแล หรือ ทำแทนเรา เพราะพระเจ้าให้ power หรือกำลัง ความสามารถและสติปัญญา กับเราในการหาวิธีจัดการกับความกลัวประเภทนี้  พระเจ้าประทาน  sound mind คือความคิดที่มีสติและปัญญาให้กับเรา และเรามีสติปัญญาของพระเยซู และพระเจ้าผู้ทรงรอบรู้
  • ประเมินสถานการณ์ มีขั้นตอนการแก้ปัญหา ลงมือทำที่ชัดเจน คิดหาวิธีแก้ปัญหาหลาย ๆ ทางเลือก เน้นวิธีที่คุณสามารถลงมือทำหรือเปลี่ยนแปลง ควบคุมได้ เป็นไปได้จริง จากนั้นประเมินทางเลือก และทำแผนลงมือปฏิบัติ
  • วางแผนปฏิบัติ รายการสิ่งที่คุณต้องทำ และกำหนดเวลาที่จะต้องทำ
  • ลงมือปฏิบัติตามแผน และชมตัวเองที่ลงมือแก้ปัญหาเพื่อแก้ไขความกังวลของคุณ

การลงมือทำอะไรสักอย่างจะช่วยให้คุณคลายความวิตกกังวลลงได้ เช่น วิตกกังวล เรื่องการเดินทาง ไม่ใช่แก้ด้วยการอธิษฐาน หรือท่องข้อพระคำ แต่ ลงมือวางแผน เตรียมตัว และทำในสิ่งที่เราต้องทำ 

  • หมั่นฝึกนิสัย “คิดวางแผน” นี้จนคล่อง
  • ทำสมุดบันทึก สิ่งที่ฉันกังวล กับ สิ่งที่เกิดขึ้นจริง เพื่อตอกย้ำประสบการณ์ว่าสิ่งที่คุณกังวลนั้นไม่ได้เป็นความจริง

วิธีจัดการความกลัวประเภทที่ 2 เยียวยาอารมณ์ และให้พระเจ้าปลอบใจคุณ

ความกลัวในอดีตเป็นประสบการณ์ในวัยเด็กที่เราเรียนรู้ เกิดจากเหตุการณ์น่ากลัว

ซึ่งทำให้คุณรู้สึกกลัว และถูกเก็บไว้ในสัมภาระอารมณ์ หรือความทรงจำของคุณ และตามร่างกาย

หากความวิตกกังวล กลัวของคุณมักจะเป็น ความคิดกลัวในหัวของคุณที่คิดล่วงหน้าไปเอง เช่นกลัวว่าจะเป็นมะเร็ง กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ หรือกลัวเหตุการณ์ในอนาคต กลัวจะติดโควิด ให้นำความกลัวเหล่านี้มาพูดคุยกับพระเจ้า และให้พระเจ้าเยียวยาความกลัวนี้ ด้วยการเปิดหัวใจ ค้นหาความกลัวจากเหตุการณ์ในอดีต พูดคุย คร่ำครวญ ระบายความในใจ เพื่อรับการปลอบใจ จนเป็นสุขใจ เหมือนที่พระเยซูอธิษฐานกับพระบิดาในสวนเกสิเมนี

  • ลองถามพระเจ้าดูว่า คุณรู้สึกกลัว วิตกกังวล แบบนี้ในเหตุการณ์ใดบ้าง
  • มีอะไรที่เป็นจุดเริ่มของ รูปแบบความกลัวแบบนี้
  • คุณกลัว วิตกกังวลเรื่องอะไรบ้าง เขียนให้หมด
  • ในบรรดารายการความกลัว ความกังวลของคุณ มีอะไรบ้างที่อยู่ในประเภท “กลัวว่าจะเกิดอะไรแย่ ๆ…. ขึ้น”
  • กอดตัวเองและใช้มือลูบแขน หรือ บริเวณหัวใจเพื่อสัมผัสตัวเอง อนุญาตให้คุณรับรู้ถึงความรู้สึก ความคิด ของคุณ หากคุณจำความรู้สึก ภาพ หรือเหตุการณ์นั้นไม่ได้ ให้คุณนึกว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าอยู่ในเหตุการณ์นั้น
  • จินตนาการ อารมณ์ ความรู้สึก ความคิดใด ๆ ที่คุณนึกถึง หรือที่พระเจ้าเปิดเผยให้คุณทราบ แล้ว ให้คุณพูดออกมาดัง ๆ เหมือนคุณกำลังบอกพระเจ้าให้รู้แบบเด็ก ๆ เพราะพระเจ้าเป็นคนที่ปลอดภัยที่สุดที่คุณไว้ใจ วางใจได้ 
  • นึกภาพพระเยซู หรือ พระบิดา อยู่กับคุณ ในเหตุการณ์ ในความรู้สึกกลัว วิตกกังวล
  • บอกกับพระเจ้าเหมือนเด็ก ๆ บอกพ่อว่าคุณรู้สึกอย่างไร ระบายความรู้สึก ความคิด นั้นออกมาเป็นคำพูด หรือเขียนเป็นบทสนทนาระหว่างคุณกับพระเจ้า
  • จากนั้นปลดปล่อยความรู้สึก ความทรงจำที่น่ากลัวนั้นให้พระเจ้า อนุญาตให้คุณได้ยกความรู้สึกออกจากใจ ร้องไฟ้กับพระเจ้า จนคุณรู้สึกปลอดภัย มั่นคง จนความรู้สึกกลัว วิตกกังวล และความรู้สึกต่าง ๆ ค่อย ๆ ลดลง
  • ถามพระเจ้าว่าเหตุการณ์นั้นทำให้คุณหลงเชื่อคำโกหกใด ๆ หรือไม่ และขอให้พระเจ้าพูดความจริงกับคุณเพื่อปลดปล่อยคุณให้เป็นไทจากความกลัว
  • ใช้เวลากับพระองค์ ให้พระเจ้าสัมผัสหัวใจคุณ ปลอบใจคุณ พูดกับคุณ และสร้างความไว้วางใจ มั่นคง ปลอดภัยในหัวใจคุณ แทนที่ความรู้สึกกลัวในหัวใจคุณจากเหตุการณ์ในอดีต

พระเจ้าเยียวยารากปัญหาความกลัวของฉันจากเหตุการณ์ในอดีต ปลอบใจ และเติมหัวใจฉันด้วยความรักที่ขับไล่ความกลัวออกไปจากชีวิตฉัน พร้อมวางรากฐานสร้างความไว้วางใจในพ่อคนนี้ ซึ่งเป็นยาต้านความกลัว ความวิตกกังวลชั้นดี

ยาต้านความกลัว วิตกกังวล คือ ความรักที่จะสร้างรากฐานมั่นคงในจิตใจ อารมณ์ให้กับคุณได้

ด้วยรักและห่วงใย

จาก (ใจ) จอย

Leave a comment