ยอมรับตัวเอง แทน เปลี่ยนแปลงตัวเอง
จุดเปลี่ยนในชีวิตฉันเกิดขึ้นเมื่อฉันยอมรับตัวเอง รวมทั้งปัญหาสุขภาพจิตใจที่เป็นอยู่ และค้นพบว่าเมื่อฉันไม่พยายามที่จะหายดี ฉันกลับหายดีเร็วขึ้น เมื่อฉันไม่พยายามลดน้ำหนัก ฉันผอมลง และเมื่อฉันรักตัวเอง ฉันมีพลังมากขึ้นที่จะทำสิ่งดี ๆ ให้ตัวเอง แทนการทำร้ายตัวเองโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะ ไม่ชอบตัวเอง อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะนั่นกลายเป็นการปฏิเธธตัวเองโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นแรงต้าน แรงถ่วง แรงกดดันที่ทำให้รู้สึกแย่กับตัวเอง จนติดอยู่อยู่ในวงจรของความท้อใจ
“เมื่อคุณไม่รู้สึกดีเกี่ยวกับตัวเอง
คุณจะไม่เคยรู้สึกดีกับอะไรในชีวิตเลยสักอย่าง
แม้แต่ความสำเร็จของคุณ”
| ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง | ยอมรับตัวเอง = พลังเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ยั่งยืน |
แรงจูงใจด้านลบ เพราะไม่ดี พอ จึงอยาก..เลยกลายเป็นแรงกดดัน แรงต้าน ขัดขวาง ไม่ชอบเลย อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ถ้าเราเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างแรก โดยลึก ๆ ในใจมาจากความรู้สึกไม่พอใจ ตำหนิตัวเอง ขัดแย้งกับตัวเอง เราจะไม่มีความสุข จนกว่า ….. | แรงจูงใจด้านบวก ดีพอแล้ว พอใจแล้ว ตั้งแต่เริ่มต้น เป็นแรงส่งให้ออกตัวได้ไกล ไร้แรงต้านทาน ไร้ขีดจำกัด ภายใน ขับเคลื่อน ผลักดัน แม้เจออุปสรรคภายนอก ก็ยังมีแรงเชียร์จากภายใน แทนแรงต้านจากภายใน พลังจากสิ่งที่คุณเป็น ที่คุณมี และศักยภาพภายในช่วยให้คุณอยากลงมือทำเพื่อก้าวไปสู่จุดหมายข้างหน้า จะขับเคลื่อนคุณไปสู่เป้าหมายได้ดีกว่าจากความรู้สึกรักตัวเอง มั่นใจในตัวเอง เชื่อในตัวเอง เมื่อเรารู้สึกดีกับตัวเอง เป็นพลังสร้างแรงจูงใจบวกให้เราอยากทำอะไรสักอย่างและเป็นพลังขับเคลื่อนตั้งแต่จุดสตาร์ทและระหว่างทาง พอเจออุปสรรค ปัญหา ก็ความรัก (ตัวเอง) นี่แหละที่เอาชนะ ก้าวข้ามให้เดินหน้าต่อไปจนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง |
เห็นภาพมั้ยว่าการไม่ยอมรับตัวเองนั้นเป็นอุปสรรคที่ทำให้เราไม่มีความสุข ไปสู่จุดหมายได้ช้าลง และทำร้ายชีวิตเรา แม้แต่ในการพยายามที่จะหายดีจากโรควิตกกังวล แพนิคของฉัน จนฉันเปลี่ยนมารักและยอมรับตัวเองตั้งแต่ยังไม่หายดีนั่นแหละ รักในระหว่างทาง และมีความสุขบนเส้นทางการเยียวยาของฉันจนวันนี้ที่ฉันดีขึ้น
ยังไม่ดีพอ ตัวจุดเชื้อเพลิงให้โกรธ หงุดหงิดตัวเอง
ภายใต้ระเบิดอารมณ์ ความโกรธ ระเบิดโทสะ ที่จริงแล้วเป็นกลไกป้องกันตนเอง
ความโกรธมักจะเป็นการตอบสนองต่อเหตุการณ์ หรือ เมื่อไม่เป็นไปตามความคาดหวัง หรือ จากความรู้สึกเสียใจ เจ็บปวดภายในแต่แสดงออกเป็นโกรธ หงุดหงิด
หลายครั้งความโกรธนั้นมาจากความโกรธตัวเอง เพราะคุณไม่ยอมรับตัวเอง คุณไม่ชอบตัวเอง คุณไม่ให้อภัยตัวเอง ตำหนิ ประณามตัวเอง จนถึงขั้นรู้สึกเกลียดตัวเอง เหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณเตือนของการปฏิเสธตัวเองที่ทำงานร่วมกับความรู้สึกว่าคุณมีอะไรผิดปกติ
ในช่วงที่พยายามหาสารพัดวิธีคลาย ทำใจให้มีความสุข สงบ ฉันเลยไปลองเรียนไท้เก้ก หรือ รำมวยจีน จำได้ว่าในช่วงฝึกเตะ ฉันสนุกมาก ดูเอาจริงเอาจรัง จนครูถามว่า “เธอกำลังเตะใครเหรอ” ฉันตอบโดยไม่คิดว่า “ตัวเอง” บางทีความจริงมักจะหลุดออกจากปากเรา วันนี้ฉันรู้แล้วทำไมฉันจึงโกรธ หงุดหงิดตัวเอง เพราะฉันไม่ชอบตัวเอง ฉันกดดันตัวเองว่ายังทำได้ไม่ดีพอ ไม่ productive พอ พอไม่เป็นไปตามความคาดหวังผิด ๆ ฉันจึงหงุดหงิดตัวเอง
ยังไม่ดีพอกับปัญหารูปร่าง หน้าตา น้ำหนักตัว
ยังไม่ดีพอมักจะมาพร้อมกับความรู้สึกไม่ชอบรูปร่างของตัวเอง ฉันก็เหมือนเด็กสาวทั่วไปที่คิดว่า ยังไม่ผอมพอ ยังไม่ขาวพอ ตายังไม่โตพอ รวมทั้งคำพูดเปรียบเทียบในวัยเด็ก สื่อต่าง ๆ ฉันจึงไม่อยากเป็นตัวเองเลย แต่อยากเป็นแบบ…. มากกว่า
ช่วงวัยรุ่นฉันจึงกลายเป็นเด็กมีปัญหาเรื่องการกิน (โดยไม่รู้ตัว) กินแล้วล้วงคออ้วก เพราะไม่อยากอ้วน หรือกินยาระบายจะได้ผอม พอโตขึ้นมาก็ดีหน่อยแต่ยังคงมีอาการเบรกแตก กินไม่หยุดเวลาเหงา เครียด แต่ไม่ล้วงคอแล้ว แต่ยังรู้สึกผิดเวลาเบรกแตก
หลังจากลองเทคนิคลดความอ้วนมาหลายรูปแบบ จนมาเจอเทคนิคใหม่ คือ เลิกลดน้ำหนัก เลิกอยากผอม แต่เปลี่ยนมาเป็นรักและยอมรับตัวเองอย่างที่เป็นก่อน รักขาสั้น ๆ ตาหมวย ๆ แบบสาวเอเชียนี่แหละ หลังจากนั้นฉันไม่มีปัญหา โยโย อีกเลย น้ำหนักตัวคงที่ ชีวิตมีความสุขขึ้น ไม่รู้สึกผิดเวลาเบรกแตก
พลังแห่งการรักและยอมรับตัวเอง พลังขับเคลื่อน ตั้งแต่เริ่มต้น ระหว่างทาง จุดหมายปลายทาง
เมื่อฉันรู้สึกดี กับตัวเอง คืนดีกับตัวเอง รัก ยอมรับ อดทน ใจเย็นกับตัวเอง วันนั้นแหละ ทุกอย่างดีขึ้น อารมณ์ดีขึ้น น้ำหนักตัวดีขึ้น ความสัมพันธ์ดีขึ้น
เมื่อคุณรู้สึกดีกับตัวเอง มองตัวเองในแง่ดี
คุณก็จะมองโลกรอบตัวผ่านเลนส์สีชมพู
แล้วอะไร ๆ ก็จะดีขึ้น ลองดูน่ะ แล้วจะแปลกใจเหมือนฉัน
ด้วยรัก
จาก (ใจ) จอย