โควิด ก็หยุดความรักพ่อไม่ได้  EP. 3

สูญเสีย จิตวิญญาณ สุขภาพ และงาน

ช่วงโควิด ทุกอาทิดฉันมีนัดวิดีโอคอลกับพี่แสนดีที่เจียงใหม่

เช้านั้นฉันตื่นมากับความฝันแบบชัดเจนมากเห็นภาพตัวเองกับคนที่เคยหลงรัก

ตอนแรกนึกว่าฉันยังไม่ได้ให้อภัย คนที่ทำให้ฉันเสียใจ สงสัยต้องให้อภัยอีกครั้ง อีกแล้วหรือ

แต่พอได้พูดคุยกับพี่แสนดีเรื่อย ๆ กลายเป็นว่า

The hardest person to forgive is “myself”

คนที่ยากที่สุดที่ฉันยังไม่ได้ให้อภัย คือตัวฉันเอง

ฉันเล่าให้พี่แสนดีฟังว่า ฉันไม่เคยโกรธใครเลย คนที่ไม่รักฉัน แม้แต่คนที่หลอกฉัน แต่มักจะโทษตัวเองเสมอว่า “ฉันมันไม่ดีเอง” “หลงรักเค้าเอง” หรือ “ใจง่ายเอง”

อีกครั้งที่ฉันให้อภัยตัวเอง จากใจ เพราะพ่อจ๋าบอก (อีกครั้ง) ว่า หัวใจฉันนั้นถูกสร้างมาด้วยถังรักใบใหญ่ และจำเป็นต้องถูกเติมให้เต็ม ความต้องการอยากเป็นที่รักของฉันนั้นถูกต้อง ไม่ผิดอะไร ไม่ใช่เพราะฉันไม่ดีพอ ไม่สวยพอ ไม่….พอ

และพ่อจ๋า ก็ ก๊อก ๆ  เปิดประตูหัวใจให้พ่อเข้ามาเยียวยา ปลอบใจ และเติมความรักให้อีกครั้ง

Pain seeks comfort

ความเจ็บปวดต้องการการปลอบใจเสมอ

จากนั้นพ่อจ๋าก็ให้ฉันนึกได้ว่าหลังจากผิดหวังครั้งนั้นกับหนุ่มตาน้ำข้าว ฉันตัดสินใจปิดประตูหัวใจ และแต่งกับงานกลายเป็น workaholics เต็มตัว ใช่แล้วนั่นคือวิธีที่ฉันเยียวยาหัวใจ ยุ่งไว้ก่อนจนไม่มีเวลาเสียใจ เติมหัวใจให้เต็มด้วยงาน ๆ ๆ ๆ ๆ ๆจนทำให้เริ่มมีอาการเครียดลงกระเพาะ ซึมเศร้า และสุดท้ายมีอาการแพนิค

เยียวยา Lost soul

สักพักฉันเห็นภาพตึกหรูที่ทำงานเก่า เวลาพระเจ้าอยากจะเยียวยาสิ่งลึก ๆ ในใจ พระองค์จะพาเราไปที่จุดนั้นในหัวใจ และทำให้เราจำได้ ฉันเห็นภาพตัวเองนั่งอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นคนเดียว หลังเลิกงาน เย็นวันศุกร์ มองรถติด ในใจนั้นรู้สึกแย่มาก รู้สึก so alone so empty ว่างเปล่า ไร้ความรู้สึก

ฉากนั้นของชีวิต เป็นวัยที่ฉันมีทุกอย่าง หน้าที่การงาน ตำแหน่ง ออฟฟิศส่วนตัว รถประจำตำแหน่ง เงินเดือนอย่างที่สาววัย 30 ต้น ๆ ควรจะมีความสุข แต่ในใจฉันมันเย็นชา ว่างเปล่า ไร้ความสุข ฉันไม่รู้เลยว่านั่นคือสัญญาณเตือนของซึมเศร้า และหมดไฟ (burnout)

แล้วฉันก็ร้องไห้ ปล่อยความรู้สึกนั้นออกมา ร้องกับพ่อ

แล้วฉันก็เห็นพ่อจ๋ามานั่งเก้าอี้ว่างตรงหน้ากับฉัน และบอกว่า

“I never leave you nor forsake you” พ่อไม่เคยทอดทิ้ง หรือ ลืมฉัน ไม่เคยลืมว่าวันนั้นนะมันแย่ขนาดไหน

พ่อรู้ว่าตอนนั้น ฉันรู้สึกแบบในเพลงโปรด Big Big World by Emeliea โดดเดี่ยวเดียวดาย บนโลกใบใหญ่

พ่อพูดกับฉันว่า แต่วันแย่ ๆ แบบนั้นแหละที่ทำให้ฉันเริ่มมีคำถามให้กับชีวิต ว่าอะไรคือความสุขที่แท้จริง

แล้วกล้าลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง พ่อบอกฉันว่า ภาคภูมิใจในความกล้าของฉัน กล้าที่จะเดินออกมาจากสิ่งที่ไม่มีความสุข และกล้าเดินตามหาความฝัน ความสุข ความหมายในชีวิต นั่นคือ ตัดสินใจออกจากงาน และไปตามความฝันที่อเมริกาในเวลาต่อมา

แม้ว่าลึกในใจฉันยังรู้สึกผิดที่ทิ้งเส้นทางอาชีพการงานที่รุ่งเรือง และไม่เคยกลับไปอีกเลย การตัดสินใจครั้งนั้นของฉันทำให้ทุกคนตะลึง ว่าฉันกล้าทิ้งงานดี ๆ และชีวิตที่น่าจะเจริญก้าวหน้าไปได้อย่างไร จริง ๆ แล้วนั่นคืออาการหนึ่งของภาวะหมดไฟนั่นเอง เป็น point of no return จุดที่พอแล้ว เลิกแบบไม่หวนกลับ เมื่อเข้าใจว่าทำไมฉันถึงตัดสินใจแบบนั้น และทำไมฉันไม่กลับไปทำงานออฟฟิศอีก ฉันก็ไม่ต่อว่าตัวเองว่าตัดสินใจวู่วามอีกต่อไป

ใช่แล้ว เรา เสียใจได้เสมอ กับสิ่งที่สูญเสีย

วัยนั้นฉันสูญเสียสุขภาพ จากการบ้างาน พยายามเติมเต็มหัวใจที่ว่างเปล่า เสียใจ ผิดหวังด้วยงาน ฉันเปิดหัวใจที่เหน็ดเหนื่อย ทำงานจนแบตหมดกลางอากาศ ให้ได้นั่งพักสงบ ฟื้นฟูจิตใจกับพระเจ้า

แล้วคุณล่ะ มีช่วงเวลาไหนที่อยากให้พระเจ้าปลอบใจบ้าง

ขอพระเจ้าปลอบประโลมทุกหัวใจที่สูญเสีย เสียใจ และบอบช้ำ

Leave a comment