เมื่อฉันรู้สึกท่วมท้น พระเจ้าช่วยฉันอย่างไร

Overwhelmed ท่วมท้น น้ำล้นแก้ว

เรามักจะรู้สึกท่วมท้นเวลาที่มีอะไรต้องทำมากเกินไป และมีทรัพยากรไม่เพียงพอ เช่น เวลาไม่พอ ไม่มีพลังงานมากพอ ไม่มีความรู้ ทักษะมากพอ หรือเมื่อมีอะไรมากมายหลายอย่างหลายสิ่งเข้ามาในเวลาเดียวกัน

หรืออาจจะมีหลากหลายอารมณ์ที่ทำให้รู้สึกท่วมท้น เสียใจ? สะเทือนใจ? ผิดหวัง? โกรธ? ไม่พอใจ? กังวล? เครียด?

เกิดอะไรขึ้นในภาวะท่วมท้น

  • ความคิดจะไม่โล่ง คิดอะไรไม่ค่อยออก และตัดสินใจไม่ได้
  • ร่างกายก็หัวใจเต้นเร็ว หายใจไม่ทัน ปวดท้อง ปวดหัว ปวดคอบ่าไหล่ เหนื่อยหมดแรง

นั่นแหละบรรยายอาการของฉันในช่วงปีใหม่ 2020 นี้ ฉันมีอาการเครียด กังวล ไม่ค่อยมีแรง จนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งที่ไม่มีงาน และได้หยุดพักเต็มที่ช่วงปลายปี

สองปีกับโควิดทำให้ฉันรู้สึกท่วมท้น และพอนึกถึงปีหน้า อนาคต ความไม่แน่นอน เลยทำให้ท่วมท้นเข้าไปอีก

และความท่วมท้นที่ยังอยู่ในร่างกายฉันมาตลอด พ่อจ๋าเตือนความจำฉันว่าต้นปี 2000 ที่ฉันลาออกจากงานที่เมืองไทยไปเริ่มชีวิตใหม่ที่อเมริกาเรียกว่าฉันอยู่ในภาวะ Overwhelm จากทั้งความเครียดเดิม ภาวะหมดไฟจากการบ้างานหนักมาหลายปี บวกกับความเครียดที่มาจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิต การเริ่มต้นชีวิตใหม่ เริ่มธุรกิจใหม่ที่เมกานั้นเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงแบบ Big Changes และไม่มีความแน่นอนของอนาคต นั่นแหละที่มาของอาการแพนิคครั้งแรกของฉัน

จำได้ว่า ปี 2006 ที่มารู้จักพระเจ้า มีคนบอกให้ฉันอ่าน อิสยาห์ 43 และเปลี่ยนจากอิสราเอล เป็นชื่อฉัน

When you pass through the waters I will be with you;
and through the rivers, they shall not overwhelm you;

จำได้ว่า คำว่า Overwhelm หรือ ท่วมท้น สะดุดใจฉัน จนฉันพูดออกมาว่า พระเจ้ารู้ได้งัย ว่าหนูนะ Overwhelm

ใช่ ตอนนั้นฉัน ท่วมท้นด้วยความเศร้าโศก (Grief) ที่เต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์จากการสูญเสียสามีกระทันหัน จนฉันรู้สึกสิ้นหวัง และเป็นจุดที่ทำให้ฉันได้เจอพระเจ้า จนอาการทั้งหมดรวมทั้งแพนิคของฉันหายอย่างอัศจรรย์ แบบไม่มีอาการเลย มา 10 ปี

ปีนี้ 2020 พ่อสอนให้เข้าใจคำนี้หรือภาวะนี้ดีขึ้น เลยหยิบสมุดมานั่งสนทนาความในใจกับพ่อ เช่นเคย

Q: พ่อค้า มีเหตุการณ์ใดบ้าง ที่ฉันเคยรู้สึกท่วมท้น

     วัยเด็ก:

  • ตอนเด็ก เวลารีบ กลัวทำการบ้าน งานศิลปะ รายงาน ไม่ทัน
  • กลัวไปโรงเรียนไม่ทัน ไปสาย ไปสอบไม่ทัน พอโตก็ยังกลัวไปสัมภาษณ์ไม่ทัน ไปนัดไม่ทัน
  • ได้ยินแต่คำว่า เร็ว ๆ เดี๋ยวสาย นะ เดี๋ยวไปไม่ทันนะ กลัวตกรถไฟ กลัวตกเครื่องบิน
  • กลัวตามไม่ทันเพื่อน ตามไม่ทันครู เวลาทำกิจกรรมเข้าจังหวะ เล่นกีฬา

มิน่า ทุกวันนี้ฉันยังรู้สึกแบบนี้ เวลาทำงาน เดินทาง มีนัด

  • พ่อบอกว่าฉันกลัวไม่ทันคนอื่น ตอนเด็ก ๆ จนฉันมีนิสัยชอบทำอะไรรุกรี้รุกรน เร็ว ๆ เพราะเด็กคนนั้นคิดว่าตัวเองช้า ไม่ทันเพื่อน เลยต้องเร่งตัวเอง จนถึงวันนี้ พ่อจ๋าเปิดเผยให้รู้ ฉันเลยบอกพ่อว่า หนูจะอนุญาตให้ตัวเองมี pace ในจังหวะหนูเอง

วัยทำงาน:

  • ท่วมท้น กับ ความเครียด วิตกกังวล ในระดับรุนแรง ต่อเนื่อง

จำได้ว่ากลางปี 2000 ที่รู้ว่าเป็นโรคแพนิค คุณหมออธิบายว่า เหมือนน้ำล้นแก้ว ความเครียดที่สะสมต่อเนื่องนั้นล้นแก้ว จนล้นออกมาตามร่างกาย ทำให้เกิดอาการประหลาด ๆ ที่เรียกว่า แพนิค หรือ Nervous Breakdown ของฉัน

Body Mind Emotion Connection

ความรู้สึก จิตใจ กับ ร่างกาย

อารมณ์นั้นมีพลังงานและสะสมอยู่ตามร่างกาย อยู่ในระบบของเรา เพราะ Body keeps score ร่างกายจะจดจำความรู้สึกเหล่านั้นและตอบสนองอัตโนมัติผ่านการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ

ความเครียด กังวลไม่ได้อยู่แต่ในหัว แต่ยังรับรู้ได้ตามร่างกาย ในระบบประสาทอัตโนมัติ มิน่าแม้หัวฉันจะรู้ว่า ไม่มีอะไรต้องรีบ ต้องเครียด ต้องกังวล ไม่ต้องกดดัน แต่ร่างกายของฉันมักจะส่งสัญญาณตรงกันข้ามเสมอจากโปรแกรมเดิม ๆ  มึนหัว คอบ่าไหล่ตึง ลมหายใจ…

จนวันนี้แหละที่พ่อจ๋าอยากเยียวยา ความรู้สึกท่วมท้นที่อยู่ในร่างกายของฉันจากหลายเหตุการณ์ในชีวิต

สักพักพ่อจ๋าให้ฉันนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดตอนเริ่มเป็นแพนิคที่เมกา

  • ตอนมีอาการที่ร้านอาหาร จนทุกคนแตกตื่น
  • ตอนมีอาการตัวสั่นไม่หยุดที่บ้าน พอถึงโรงพยาบาลหายสนิท นั่งดูอาการ 3 ชั่วโมง ไม่มีสักนิด
  • ตอนบินกลับเมืองไทย ทั้งที่มีอาการ และไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรกลางทางหรือไม่
  • ตอนนอนโรงพยาบาลที่เมืองไทย 7 วัน ตรวจไม่เจอ แต่ยังมีอาการ จนโกรธ โวยวายจนเค้าส่งไปตรวจหมอหัวใจ และถูกวินิจฉัยผิด

ฉันเล่าให้น้องสาวฟัง พร้อมระเบิดหัวเราะทั้งน้ำตาออกมาจากท้อง

สักพักฉันได้ยินเสียงเพลงโปรด “Love came down” and rescue me…

ฉันเปิดเพลงนี้พร้อมนอนลง… พอได้ยินประโยค “when my heart is overwhelmed…..when the storm of life has come…”

ฉันร้องออกมา ปลดปล่อย ความรู้สึกท่วมท้นที่อยู่ลึกในหัวใจ ตามร่างกายที่หัว ที่ท้อง หน้าอกจนรู้สึกผ่อนคลาย ฉันหายใจได้ทั่วท้องขึ้น ลึกขึ้น สบายขึ้น เอาความอึดอัดใจ จากแรงกดดันออกไป

ฉันนอนร้องไห้ ปล่อย ทุกความท่วมท้น จากทุกเหตุการณ์ในชีวิต ออกจาก หัว ออกจากหัวใจ ออกจากร่างกาย จนโล่ง แล้วให้ความรักของพ่อเข้ามาปลอบใจจนฉันหัวเราะออกมา

มองย้อนไป ช่างเป็นเวลาที่รู้สึกท่วมท้นเพราะ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ตรวจไม่เจอ แต่ยังมีอาการ จะเป็นโรคอะไรที่น่ากลัวมั้ย…..จะกลับไปเมกาได้มั้ย จะทำงัยดีกับชีวิตถ้า…..

เป็นเหตุการณ์และช่วงเวลาที่ต้องได้รับการไถ่กู้ Redeem และกู้คืน Restoration จริง ๆ

แล้วฉันก็นึกถึง คำนี้ และบอกพ่อมาสักพักแล้วว่า ฉันอยากให้พระคำข้อนี้เป็นจริงในชีวิตฉัน

สดุดี 16:9

ดังนั้น หัวใจข้าพเจ้าจึงร่าเริง

วิญญาณข้าพเจ้าก็ยินดี

ร่างกายของข้าพเจ้าจะพักผ่อนอย่างปลอดภัย

ฉันเขื่อว่า พ่อจ๋า กำลังทำงานเยียวบาให้ฉัน

Heart at rest

Spirit at rest

Body at rest

ฉันเปิดหัวใจ วิญญาณ และร่างกาย ให้พ่อสัมผัส ลึกลงไป จนฉันรู้สึกปลอดภัย ไม่ใช่แค่ทางอารมณ์ แต่ ร่างกายค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะพัก ผ่อนคลาย Feeling safe emotionally and Feeling safe in the body และไม่ต้องส่ง alarm สัญญาณเตือนภัยให้ร่างกายและระบบประสาทอัตโนมัติอยู่ในโหมด สู้ หนี สลบ หรือ Flight – Fight – Freeze แต่เปลี่ยนเข้าสู่โหมด พัก Rest…

ให้ความรู้สึกปลอดภัย พักสงบ ผ่อนคลายนี้เป็น Anchor in my soul, spirit, and body…

แต่พ่อไม่เคยหยุดแค่นั้น Renewal of the mind…

รุ่งเช้า ฉันนั่งพักนิ่งในอ้อมกอดพ่อ

ยังติดใจภาพหนูยืนอยู่กับแม่น้ำกว้างใหญ่ไพศาล

ใช่ค่ะ พ่อ ทั้งชีวิต หนูรู้สึกท่วมท้น กับ แม่น้ำ ที่เปรียบเหมือน ชีวิต หนูไม่รู้จะทำอย่างไรดี

พ่อจ๋าให้ฉันนึกถึงภาพอิสราเอลที่พ่อแหวกทะเลแดงให้

แล้วพ่อก็พูดกับฉัน พร้อมให้ภาพใหม่ ในหัว

พ่อจะแหวกทางให้ฉันเดินข้ามแม่น้ำ ระหว่างทางเดินของชีวิต ฉันก็เพลิดเพลินได้

ฉันได้ยินพ่อพูดกับฉันว่า

Joy,

Life is not Hard, it’s Easy.

Life is not difficult, not Stress.

Life is Pleasure, not Pressure.

Life is Joy.

พ่อจ๋า ปลดปล่อย ปลอบใจ และให้มุมมองชีวิตฉันใหม่ ในปี 2020

เป็นการเยียวยาที่ลึกลงไปจริง ๆ และครบด้านจริง ๆ

Leave a comment