การตีตราของโรคทางใจ (Mental Health Stigma)
ถ้าคุณป่วยเป็นโรคทางใจ เช่น แพนิค วิตกกังวล ซึมเศร้า Bipolar แล้วไม่มีใครเข้าใจคุณ หรือเข้าใจผิด คิดว่าคุณคิดไปเอง มโนไปเอง แกล้งป่วย บ้าหรือเปล่า ประสาท นั่นแหละ ผลจากการตีตรา
ที่แย่ก็คือ คุณเองก็อาจคิดไปว่าเป็นความผิดปกติของคุณที่เป็นแบบนี้ ไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้ รู้สึกอาย ไม่อยากให้ใครรู้ เพราะรู้แล้วก็เข้าใจผิด
ถึงเวลาแล้วที่เราควรจะเข้าใจเรื่องนี้กัน
การตีตราทางสังคม เกิดจากความเข้าใจผิดหรือความไม่รู้ทำให้เกิดอคติและมุมมองผิด ๆ
บางคนพอแนะนำให้ปรึกษาจิตแพทย์ รีบบอกว่า “ฉันไม่ได้บ้านะ”
การตีตราภายในใจตนเองทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอับอายขายหน้า (Shame) สร้างความทุกข์ ความเจ็บปวด รู้สึกไม่ดีกับตนเอง กล่าวโทษตนเอง เป็นอุปสรรคปละส่งผลกระทบต่อการฟื้นฟูจิตใจและการรักษา
บางคนไม่ยอมรับการรักษา ไม่อยากพบจิตแพทย์ ฉันเคยพาเพื่อนไปพบหมอจิตแพทย์ เค้าชอบคุณหมอตอนคุย แต่บอกหมอว่า “ถ้าเปลี่ยนชื่อได้ก็ดีนะ” ฉันฟังแล้วก็คิดว่าเป็นไอเดียที่ดีมาก ๆ ที่น่าจะเปลี่ยนชื่อ Rebranding ทำการตลาดใหม่ Repositioning ใหม่น่าจะดี วันก่อนฉันเห็นโรงพยาบาลแห่งหนึ่ีงใช้ชื่อว่าคลีนิกสุขใจ ฟังแล้วดีต่อใจกับคำว่าแผนกจิตเวช
คุณเคยคิดและรู้สึกแบบนี้บ้างไหม ข้อใดตรงกับคุณบ้าง
ตำหนิ โทษตัวเองว่า….
เป็นความผิดของคุณ
คุณมีอะไรผิดปกติ
รู้สึกอับอาย รู้สึกผิด
รู้สึกแย่กับตัวเอง
รู้สึกเป็นภาระของครอบครัว
รู้สึกไม่มีคุณค่า
ไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้ โทษตัวเอง
แล้วเวลาที่คุณป่วยเป็นโรคอื่น ๆ ล่ะ คุณเคยรู้สึกแบบนี้มั้ย
ความรู้สึกนี้แย่มาก ๆ เป็นความเครียด ความเจ็บปวดทางอารมณ์ที่คุณต้องเก็บไว้ ทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้าทางอารมณ์ ไม่มีแรง ไม่มีพลัง ไม่นับจากอาการเหนื่อย เพลีย หมดแรงที่เกิดจากแพนิค จริง ๆ และมุมมองผิด ๆ นี้เองที่ยิ่งทำให้คุณรู้สึกแย่ ท้อใจ หมดหวัง มากกว่าเดิม
ฉันเองก็เคยคิดเช่นนี้และรู้สึกเช่นนี้เหมือนกันโดยไม่รู้ตัว จนวันหนึ่งที่คุยกับคุณหมอจิตแพทย์ของฉันที่ฉันขอเรียกว่านางฟ้าใจดีของฉัน แล้วพบว่าการที่ฉันไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้ ตำหนิตัวเอง รู้สึกแย่กับตัวเอง จนกลายเป็นแรงกดดัน สร้างความขัดแย้งในใจ ทุกข์ใจ พอจัดการความรู้สึกเหล่านี้ออกไป ฉันกลับดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
คนป่วยทุกคน ต้องการกำลังใจ ความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจฉันใด คนป่วยทางใจก็ต้องการเช่นนั้น โดยเฉพาะจากตัวเอง และนั่นคือหัวใจหลักที่ทำให้ฉันดีขึ้น
มุมมองของคุณที่มีต่อโรคทางใจมีผลต่อความสามารถในการฟื้นฟู
มีผลต่อแรงจูงใจ และความสุขของคุณในระหว่างทางที่กำลังรักษา
อาจยังมีหลายคนที่ไม่เข้าใจโรคนี้จริง ๆ
แต่หากคุณเข้าใจโรคที่คุณเป็น จะช่วยให้การเยียวยาของคุณดีขึ้น
คุณพร้อมแล้วยังที่จะเข้าใจตัวเอง และภาวะที่คุณเป็น
ปลดปล่อยความรู้สึกอับอาย กล่าวโทษตนเองจากผลของการตีตราของโรคทางใจ
มาทำ EFT เคาะบำบัด ปลดปล่อยสิ่งความรู้สึกแย่ ๆ และความคิดติดลบจากผลของการตีตราที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการเยียวยารักษาของคุณ พร้อมปรับมุมมองความคิดใหม่ จากจุดนี้ที่คุณรู้สึกปลอดภัย ยอมรับ ตัวเอง คุณกำลังเตรียมทางให้กับการเยียวยาฟื้นฟูของคุณ
EFT จุดเคาะต่าง ๆ โดยใช้นิ้วสองหรือสามนิ้วเคาะตามจุดต่าง ๆ พร้อมพูดตามสคริปต์
KC: ฝ่ามือด้านข้างนิ้วนาง
TOH: กลางศีรษะ
EB: หัวคิ้ว
SE: ขมับ ตรงหางตา
UE: ใต้ตา ตรงโหนกแก้ม
UN: ใต้จมูก ริมฝีปากบน
Ch: คาง
CB: ไหปลาร้า
UA: ใต้รักแร้ ลงมา 4 นิ้ว
เคาะฝ่ามือด้านข้างนิ้วนาง พร้อมพูดตาม ออกเสียงจะดีมาก ปรับคำพูดให้ตรงกับคุณ
แม้ฉันจะรู้สึกแย่เกี่ยวกับการป่วยเป็นแพนิคของฉัน ฉันยอมรับตัวเอง
แม้ฉันจะรู้สึกอาย ไม่อยากบอกให้ใครรู้เกี่ยวกับแพนิคที่ฉันเป็น ฉันยอมรับความรู้สึกของฉัน
แม้ฉันจะรู้สึกไม่ชอบเลยที่ต้องเป็นแพนิค ฉันเปิดใจที่จะผ่อนคลายตัวเอง
หัวคิ้ว: ฉันไม่ชอบเลยที่ต้องมาป่วยเป็นแพนิค (ซึมเศร้า วิตกกังวล)
ขมับ: ฉันไม่อยากบอกให้ใครรู้
ใต้ตา: พอฉันบอก คนก็ไม่เข้าใจ
ใต้จมูก: บางคนก็ว่าฉันคิดไปเอง เรียกร้องความสนใจ แกล้งป่วย
คาง: ฉันรู้สึกแย่ เสียใจ และโดดเดี่ยว ต้องเก็บไว้คนเดียว
ไหปลาร้า: บางทีฉันก็รู้สึกว่าเป็นความผิดของฉันเองหรือป่าวนะ
รักแร้: แต่ความรู้สึกเหล่านี้ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกแย่ ท้อใจ
ศีรษะ: บางที ฉันอาจปลดปล่อยความทุกข์ใจเหล่านี้ออกไปได้
เคาะที่หัวคิ้ว แล้วนึกถึงผลของการตีตราทางสังคมและการตีตราภายในใจตนเอง
บางทีคุณรู้สึกอับอาย ไม่อยากให้ใครรู้ ต้องเก็บไว้คนเดียว
บางทีพูดไปก็ไม่มีใครเข้าใจ มีปฏิกิริยาลบ
สังเกตว่าคุณรู้สึกถึงความรู้สึกน่าอับอาย ที่ส่วนใดของร่างกายคุณ
ขมับ: มันโอเคที่คุณอาจจะรู้สึกเช่นนี้ บางส่วนหรือทั้งหมด
ใต้ตา: ความรู้สึกนี้เป็นปกติสำหรับคนที่เป็นโรคทางใจ
ใต้จมูก: ปลดปล่อยความรู้สึกน่าอับอาย รู้สึกแย่กับตนเองออกไป
คาง: ฉันปลดปล่อยความน่าอับอาย ความทุกข์ใจ เสียใจ ออกไป
ไหปลาร้า: ฉันรู้สึกผ่อนคลายขึ้น ทั้งร่างกายและจิตใจ
รักแร้: เมื่อฉันปลดปล่อยความน่าอับอายออกไป ฉันรู้สึกผ่อนคลาย
ศีรษะ: บางที ถ้าฉันไม่ละอายใจเกี่ยวกับการเป็นแพนิคของฉัน
จินตนาการดูว่าคุณจะรู้สึกอย่างไร ในขณะนี้
เคาะที่หัวคิ้ว รอบนี้เราจะปลดปล่อยการตีตราภายในใจตัวเอง
คุณคิดอย่างไรกับตนเองที่ไม่สบายเป็นโรคนี้
บางทีคุณอาจจะกล่าวโทษตัวเองว่าเป็นความผิดของคุณ เพราะ… เลยทำให้คุณเป็นแบบนี้
ขมับ: ปลดปล่อยความรู้สึกผิด ตำหนิ ซ้ำเติมตัวเองออกไป
ใต้ตา: จินตนาการว่าคุณปลดปล่อยความรู้สึกแย่ ๆ เหล่านี้ออกไปกับลมหายใจออกของคุณ เคลียร์ออกไป
ใต้จมูก: ฉันปลดปล่อยความขัดแย้งในใจออกไป
คาง: เมื่อคุณปลดปล่อยสิ่งที่อัดอั้น หนักใจ ทุกข์ใจนี้ออกไป
ไหปลาร้า: สังเกตดูว่าคุณรู้สึกเบาขึ้น มีเสรีภาพขึ้น
รักแร้: หายใจเข้า แล้วหายใจออก ฉันกำลังสนับสนุน ช่วยให้การเยียวยา ฟื้นฟูของฉันดีขึ้น
ศีรษะ: ในขณะที่คุณเคาะ สังเกตดูว่าคุณรู้สึกแข็งแรงขึ้นอย่างไรในร่างกาย และจิตใจของคุณ
หายใจเข้าออก
รอบต่อไปเราจะสร้างมุมมองและประสบการณ์ใหม่เกี่ยวกับการเป็นแพนิค หรือ โรคทางใจอื่น ๆ
ในขณะที่เคาะและฟังคำพูดต่อไปนี้ รู้สึกถึงคำพูดเหล่านี้ในร่างกายคุณ
หัวคิ้ว: ฉันไม่ได้โดดเดี่ยวเดียวดายอยู่คนเดียวในการเป็นแพนิค
ขมับ: ฉันกล้าหาญมากที่ยอมรับการรักษา
ใต้ตา: ฉันต้องเจอกับอะไรมากมายเหลือเกินกว่าจะตรวจเจอ
ใต้จมูก: ฉันเก่งและเข้มแข็งมากกว่าที่ฉันคิด
คาง: ฉันพร้อมแล้วที่จะปฏิบัติกับตัวเองด้วยความรัก ความเข้าใจ
ไหปลาร้า: จากจุดนี้ จะช่วยสนับสนุนให้การฟิ้นฟูเยียวยาจิตใจของฉันดีขึ้น
รักแร้: ฉันมาได้ไกลมากแล้ว
ศีรษะ: ฉันเลือกที่จะรู้สึกดีกับตัวเอง เห็นอกเห็นใจตัวเองในภาวะยากลำบาก ในยามที่ฉันป่วย
หายใจเข้าออก
คุณเก่งมากที่ใช้เวลาใส่ใจดูแลจิตใจของตัวเอง
ในขณะที่คุณเคาะ คุณช่วยให้ระบบประสาทอัตโนมัติของคุณสงบลง ช่วยให้การฟื้นฟูจิตใจดีขึ้น
สามารถดูวิดีโอ แล้วเคาะตามที่ YouTube ได้เลย
เราจะร่วมเดินทางไปด้วยกัน
ด้วยรักและห่วงใย
จากใจ – จอย
@happyheartandbrain