แพนิคครั้งที่ 3 พ.ศ. 2563
ในขณะที่สถานการณ์โควิดเริ่มเข้มข้นขึ้น จู่ ๆ ฉันก็มีอาการแพนิคแบบจู่โจมทันที แพนิคครั้งนี้ ฉันหายใจแปลก ๆ เกิดอะไรขึ้น ฉันมีอาการโรคหัวใจ? หรือปอดรั่วที่เคยเป็นกระทันหันเมื่อหลายปีก่อน หรือฉันเป็นโควิด? ถ้า…เป็น…แล้วจะทำยังไงดี… ค่ารักษาจะแพงมั้ย..จะตายมั้ย?
รีบโทรไปหาคุณหมอจิตแพทย์ที่น่ารัก ก็งดตรวจ มีออกตรวจอีกทีสองเดือนหน้า จะไปโรงพยาบาลก็กลัวติดโควิด เฮ้อ
ผลกระทบจากเหตุการณ์สะเทือนใจในอดีต (Trauma)
จุดเริ่มต้นของการเยียวยา คือ รู้ ว่ามีปัญหา
ในช่วงที่รอคิวหมอ ฉันได้มีโอกาสเจอลุงป้าที่อเมริกาคู่หนึ่งบนสัมนาออนไลน์ เค้าเล่าประสบการณ์ภาวะผิดปกติทางจิตใจ (PTSD) ที่เกิดจากเหตุการณ์สะเทือนใจ เช่น เสียคนรัก คนในครอบครัว เสียสุขภาพ ป่วยเป็นโรคร้ายแรง (ทั้งตัวเองหรือคนรัก คนในครอบครัว) เป็นครั้งแรกที่ฉันรับรู้ว่าอาการแพนิกคราวนี้เหมือนถูกกระตุ้นจากเหตุการณ์ในอดีต เลยขออีเมลลุงกับป้าไว้
ช่วงหยุดอยู่บ้านหยุดเชื้อ พี่แสนดีที่เจียงใหม่ส่งอะไรมาให้อ่าน พร้อมคำถามชวนคิด ทันเหตุการณ์โควิดอย่างปัง
Q: คุณรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับความตาย ความตายของคุณ และความตายของคนที่คุณรัก?
ฉันไม่ชอบคำถามนี้เลย แต่ตอนที่สามีสุดที่รักของฉันตาย ฉันมีคำถามมากมายในหัวใจ คำถามนี้ทำให้นึกถึงภาพฮันนี่นั่งอยู่บนตัก หลังจากได้ยินเสียงดังปังในห้องน้ำ แล้ววิ่งไปพบฮันนี่ล้มในห้องน้ำ นั่งทรุดที่พื้น ความตกใจกลัว แบบทำอะไรไม่ถูก หัวใจที่เต้นเร็ว เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น การรอคอยที่แสนยาวนานด้วยใจสั่นระทึกระหว่างรอรถพยาบาล และจบลงที่คุณหมอบอกว่า “คนไข้เสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาล” แล้วจบลงที่ฉันเดินไปส่งฮันนี่เข้าห้องเย็น กลับบ้านคนเดียว ทุกอย่างรวดเร็ว เหมือนฝัน
แพนิคครั้งนี้แปลกไปจากแพนิคครั้งแรก และครั้งที่สอง ก็คือหัวใจฉันเต้นแปลก ๆ นั่นแหละ
Body Keeps the Score เป็นหนังสือที่อธิบายถึงเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (Trauma) และผลกระทบที่มีต่อร่างกาย จิตใจ สมองของเรา ชื่อภาษาไทยว่า ”ฝันร้ายในร่างกาย : สมอง ร่างกาย จิตใจ ในการเยียวยาบาดแผลทางใจ” เขียนโดย Bessel Van Der Kolk (เบสเซล แวน เดอ คอล์ค) ช่วยให้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันในช่วงโควิด
ในที่สุดฉันก็ได้คิวพบคุณหมออีกคนเพื่อรับยาเก่า แล้วเล่าถึงประสบการณ์เสียฮันนี่กระทันหัน ไม่มีอะไรบังเอิญในชีวิตนี้ คุณหมอเคยมีประสบการณ์การสูญเสียและเข้าใจ Trauma และเรียนมาทางนี้โดยตรง ฉันดีใจมากที่ได้เจอคนที่เข้าใจและอธิบายเพิ่มเติมให้ฉันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันบอกหมอว่ารู้สึกถึงความเศร้าลึก ๆ ในใจ ซึ่งไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว คุณหมอบอกว่าในช่วงโควิด เราอยู่ในบรรยากาศของความเศร้า มีคนตาย ติดโควิดมากมายที่อาจกระตุ้นอาการได้ทำนองนี้ และ Trauma ก็เยียวยาได้ หมอบอกให้ทานยาสักพัก ถ้ายังกังวลและไม่ดีขึ้น พอโควิดซาก็ให้ลองตรวจสุขภาพร่างกายให้ละเอียดอีกครั้ง แล้วฉันก็รีบรับยากลับบ้าน อย่างน้อยก็โล่งใจว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรร้าย ๆ อย่างที่คิด
ความกลัว วิตกกังวล ตัวต่อที่หายไป เมื่อเจอการสูญเสีย*
การสูญเสียนำมาไม่เพียงแต่ความเศร้าโศกเสียใจ แต่ยังมีปฏิกิริยายาทางอารมณ์อีกหลายอย่าง รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงปรับตัวในชีวิตอีกหลายด้าน สิ่งเหล่านี้แหละที่ทำให้เกิดความวิตกกังวล คนส่วนใหญ่มักจะเผชิญหน้ากับความวิตกกังวลในช่วง 6-18 เดือนหลังการสูญเสียเพราะว่าเป็นช่วงเวลาที่เรามักจะเริ่มรับรู้ถึงความจริงของการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่
เวลาที่เราสูญเสียคนรัก คนในครอบครัว เพื่อนสนิท โดยเฉพาะการสูญเสียจากความเจ็บป่วยจนถึงขั้นเสียชีวิต หรือเจ็บป่วยเรื้อรัง อาจทำให้คิดกลัวว่าจะเกิดอะไรเลวร้าย แย่ ๆ กับตัวเองหรือคนในครอบครัวได้
ความตายของคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดทำให้รู้สึกว่าชีวิตไม่แน่นอน ไม่ปลอดภัย โควิดเป็นภัยคุกคามต่อชีวิต มีอันตราย จึงกระตุ้นให้เกิดอาการวิตกกังวลและแพนิคได้ มิน่าล่ะ
*Grief and anxiety หรือ ความวิตกกังวลจากการสูญเสียและความเศร้าเสียใจ เขียนโดย Claire Bidwell Smith
วันนั้นฉันไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบจากการสูญเสียบุคคลที่รักอย่างกะทันหัน ไม่คาดคิด ไม่รู้จักกระบวนการเศร้าโศกจากการสูญเสีย
ช่วงแรก ฉันร้องไห้ไม่ออก ไร้ความรู้สึก งง เหมือนฝัน และต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่ตามมาหลังการสูญเสีย จัดการงานศพที่เมืองไทย จัดงานศพที่อินเดีย บ้านเกิดของฮันนี่ จากนั้นฉันย้ายกลับมาอยู่กับครอบครัว หางานใหม่
อีกหลายเดือนต่อมา ฉันโกรธคุณหมอที่ไม่ช่วยอะไรเลย โกรธรถพยาบาลที่มาช้ามากทั้ง ๆ ที่อยู่ใกล้แค่นี้เอง โกรธ โทษตัวเองที่ไม่ได้ดูแล ทำไมไม่รู้ จากนั้นถึงเริ่ม คิดถึง อาลัย ร้องไห้ อยากให้ฮันนี่มีชีวิตต่อ ทำไมถึงทิ้งฉันไป แต่ตอนนั้นฉันคิดว่าทำไมต้องเสียใจขนาดนั้น การที่เศร้ามาก ๆ เป็นอะไรที่ไร้เหตุผล ฉันร้องไห้สามปี เอาแต่คิดถึงสามีที่จากไป ไม่มีอะไรมาแทนที่เค้าได้
โควิด ช่วยให้ฉันได้มีโอกาสตระหนักรู้ เข้าใจถึงผลกระทบทางจิตใจ สมอง ร่างกายจากการสูญเสียอย่างกะทันหันไม่คาดคิด และตอนพ่อป่วยในวัยเด็ก และอีกหลายเหตุการณ์สูญเสียในชีวิตที่ฉันไม่ได้ผ่านกระบวนการเศร้าโศก ฉันได้มีโอกาสเยียวยาบำบัดความวิตกกังวล และความเศร้าเสียใจที่หลงเหลืออยู่และมีผลต่ออาการแพนิคของฉัน และพาฉันให้ก้าวต่อไปด้วยมุมมองใหม่ และหัวใจที่ได้รับการปลอบประโลมใจ ให้ลุกขึ้นเดินไปข้างหน้าต่อไป จากสูญเสีย เป็นได้ของขวัญ จากเสียใจ กลายเป็น สุขใจและขอบคุณนะสำหรับสิ่ง ดี ๆ
จากนั้นอาการหัวใจเต้นแปลก ๆ ช่วงโควิดของฉันก็หายไป ความวิตกกังวลก็ได้รับการปลดปล่อย และเมื่อโควิด Wave ที่ 2 และถัดมา ฉันก็ไม่มีอาการแพนิค ตกใจ กังวล เหมือนครั้งแรกแต่อย่างใด
เยียวยาความเศร้าโศกจากการสูญเสีย
ฉันได้คุยกับลุงป้าที่อเมริกาทาง Skype ฉันบอกเค้าว่ารู้สึกถึงความเศร้าโศกสียใจ (Grief) ลึก ๆ ที่ยังหลงเหลืออยู่ คุณลุงป้าก็นั่งฟังว่าเกิดอะไรขึ้นตอนเสียฮันนี่เมื่อ ปี 2549 ฉันไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย พอคุยแล้วเหมือนลึก ๆ ในใจฉันยังรู้สึกผิดและ ยังโทษตัวเองว่าทำไมไม่สังเกตเห็นสัญญาณเตือนของอาการโรค ถ้า..รู้ก็น่าจะรักษาทัน ฉันจึงปลดปล่อยความรู้สึกผิดและให้อภัยตัวเองอีกครั้ง ที่จริงแล้วความรู้สึกแบบนี้เป็นปกติและอาจยังมีบางส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่ลึกลงไปอีกชั้นหนึ่ง
จู่ ๆ ฉันก็ร้องไห้ สะอื้นออกมาดังมาก แบบทำนบเขื่อนแตก อั้นไม่ได้ ฉันนั่งซบหน้าร่ำไห้ผ่านหน้าจอ Skype เป็นครั้งแรกกับความ เศร้าเสียใจ สับสน จากวินาทีตกใจจนถึงช่วงเวลาที่ต้องปรับตัวหลังผ่านเหตุการณ์เลวร้าย (Aftermath) ของการสูญเสียคนรัก สุดท้ายฉันระเบิดคำหนึ่งออกมาทั้งเสียงสะอื้นจากลึกที่สุดของหัวใจที่ไม่เคยพูดคำนี้ได้เลย คือ “ฉันเสียใจ”
ถอดบทเรียน
- เข้าใจการสูญเสียและความเศร้าโศกเสียใจ หรือ Loss and Grief
ความเศร้าโศกเสียใจ คือความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อมีการสูญเสีย และเป็นกระบวนการบำบัดเยียวยาตามธรรมชาติที่จะช่วยเราให้ผ่านความเศร้าโศกเสียใจไปได้ กระบวนการนี้มีหลายลำดับขั้นที่จะต้องข้ามผ่านไปเหมือนสะพานเดินผ่านหุบเขาแห่งความเศร้าโศก ตั้งแต่ตกใจ ช็อก ไม่ยอมรับความจริง โกรธ ร้องไห้ รู้สึกผิด โทษตัวเอง เศร้า กังวล เหงา หมดหวัง ไม่อยากทำอะไร นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย คิดกังวล คิดหมกมุ่น หรือคิดว่าจะมีอะไรแย่ ๆ เลวร้ายเกิดขึ้น
ระยะเวลาที่เศร้าโศกจนถึงฟื้นตัวจากความเศร้าและกลับคืนสู่ความปกติจะแตกต่างกันตามบุคคล สถานการณ์ ความสัมพันธ์กับผู้ที่จากไป บางคนก็ก้าวผ่านความทุกข์ไปได้และมีบางคนที่ก้าวผ่านกระบวนการนี้ไม่ได้เกิดเป็นภาวะเศร้าโศกผิดปกติ อย่ามองข้ามผลกระทบทางจิตใจ ร่างกาย จากการสูญเสียและเหตุการณ์สะเทือนใจ และควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการดูแลช่วยเหลือเยียวยาหลังการสูญเสียเพื่อให้ผ่านพ้นความเศร้าโศก* (Bereavement care โดย พญ. ถิรพร ตั้งจิตติพร)
มีหลายคนที่อยู่ ๆ มีอาการแพนิค วิตกกังวล จากการสุญเสีย แต่เพราะไม่รู้ จึงไม่ได้เชื่อมโยงเหตุการณ์ และผลกระทบ พอได้รับการเยียวยา ปลดปล่อยความเครียดจากเหตุการณ์สูญเสียที่อัดแน่นด้วยมวลอารมณ์ที่หลากหลายมากมายจนท่วมท้น ก็มีอาการดีขึ้น
2. การสูญเสีย ไม่จำกัดเพียงแค่ความตายของบุคคลที่รัก แต่ยังรวมถึงการเจ็บป่วย สูญเสียสุขภาพ เป็นโรคร้ายแรง การสูญเสียที่คาดการณ์ได้ เช่น เจ็บป่วยระยะสุดท้าย สูญเสียความสามารถในการเดิน หรือการจากเป็น เช่น หย่าร้าง เลิกราความสัมพันธ์ สูญเสียงาน สูญเสียรายได้ สูญเสียธุรกิจ สูญเสียความฝัน รวมทั้งการเปลี่ยนงาน ย้ายบ้าน
ในโอกาสต่อไป ฉันจะเขียนถึง การสูญเสีย และกระบวนการเศร้าโศกเสียใจ เพื่อที่จะฟื้นคืนจากความเศร้า และกลับคืนสู่ความปกติ
เราจะเป็นเพื่อนร่วมเดินทางกัน
ด้วยรักและห่วงใย
จากใจ – จอย