เปิดหัวใจที่ปิดอยู่ให้พระเจ้าเยียวยา ปลอบใจ

ทุกความเจ็บปวดเป็นประตูให้พ่อจ๋าได้เข้ามาเยียวยา ปลอบใจ เลี้ยงดูหัวใจของฉัน

วันหนึ่งฉันรู้สึกเหมือนพระเจ้าพระบิดาที่ฉันชอบเรียกว่า “พ่อจ๋า” บอกฉันว่า “เปิดหัวใจที่ปิดอยู่” แต่ก็ไม่แน่ใจเท่าไรนัก เพราะฉันได้เปิดหัวใจให้พระเจ้าเข้ามารื้อฟื้น เลี้ยงดูฉันแบบพ่อลูกแล้วนี่ และนั่นคือการเริ่มเดินทางสู่การเยียวยาหัวใจและบาดแผลในชีวิต Healing Life’s Hurt Series ของฉัน ซึ่งมีมากมาย นับไม่ถ้วน เพราะฉันไม่เคยทำแผลหัวใจที่ชอกช้ำเลย ได้แต่ฝังมันลึกไว้ในใจ แล้วเดินหน้าต่อไปเพราะเราไม่เคยถูกสอนว่าในวันที่ หัวใจแตกสลายจะทำอย่างไรดี

ไม่เคยเคยเรียนวิชาอกหักกะศาสตร์ (จำเพลงมา)
ก็เลยไม่รู้ว่าจะรับมือกับคำว่าใจแตกสลายอย่างไรดี

วิธีเดียวที่ฉันรู้คือ I am the great pretender, the show must go on, life must go on.. ยิ้มสู้ เชิดหน้า แล้ว เดินต่อไป สู้ต่อไป ทำนองนั้น ชีวิตที่ยุ่ง ทำให้เราลืมความเจ็บปวดได้ คล้ายคนดื่มเหล้าจะได้ลืม ฉันก็ใช้ความยุ่ง เป็น Workaholics ทำให้ลืม แต่ว่าพระเจ้าไม่ลืม และพระองค์รู้ และหัวใจของฉันนั้นไม่เคยลืม

Open Your Closed Heart

หัวใจฉันปิด บางส่วนในตัวฉันรู้สึกกลัวที่จะเปิดหัวใจอีกครั้งหนึ่ง

ลองสังเกตดูว่า คุณมีความกลัวอะไรบ้าง เมื่อได้ยินคำว่า “เปิดหัวใจที่ปิด

บางที คุณปิดหัวใจ เพื่อปกป้องตัวเอง

บางที มีการต่อสู้ภายใน ไม่แน่ใจ กลัว เข็ด ขยาดที่จะเปิดหัวใจ

ฉันรู้สึกได้ว่าลึก  ๆ ในใจเหมือนฉันเอามือป้องกันตัวเอง พร้อมตะโกนว่า NO

ไม่เอาแล้ว อย่านะ ฉันเริ่มรู้สึกได้ว่าฉันกลัว กลัวที่จะเจ็บอีก กลัวแม้แต่ที่จะรู้สึกถึงความเจ็บปวดนั้น

เกิดอะไรขึ้นในอดีตที่ทำให้คุณเชื่อว่าคุณต้องปิดหัวใจเพื่อที่จะได้รู้สึกปลอดภัย

มีเหตุการณ์อะไรบ้าง

มีความคิดอะไรบ้าง

ทุกสิ่งที่คุณเคยผ่านมา

ฉันตอบได้ทันทีว่า

 “ถ้าไม่รักก็ไม่เจ็บ”

“อยู่คนเดียวเฉย ๆ สบายดีกว่า”

หัวใจฉันนั้นเหมือนเพลงนี้นี่แหละ “I am a Rock” ของ Simon and Garfunkel

If I never loved I never would have cried, I am a rock I am an Island.

I have my books
And my poetry to protect me
I am shielded in my armor
Hiding in my room safe within my womb
I touch no one and no one touches me
I am a rock I am an island

And a rock feels no pain
And an island never cries

วันนี้เห็นภาพชัดเจน และเข้าใจ มันน่าเศร้าเหมือนกันนะที่ฉันใช้ชีวิตแบบนั้นมานาน

แม้จะไม่แน่ใจนัก ฉันก็บอกพ่อจ๋าสั้น ๆ ว่า “ได้ค่ะ หนูเปิดหัวใจที่ปิดอยู่ให้พ่อค่ะ” แล้ววันหนึ่งฉันได้ยินเพลงที่ทำให้ต้องหยุดฟัง แล้วมานั่งสนทนากับพ่อจ๋าว่าอะไร ทำไม ก็เพราะหนูรู้สึกแบบเพลงนี้งัยล่ะ

“จะเร็วจะช้าก็เจ็บทั้งนั้น
เรื่องเธอกับฉันแค่นี้ดีกว่า
กับคนที่โดนทิ้งเสมอมา
อีกครั้งมันจะสักเท่าไหร่”

ถึงตอนนี้ฉันก็แอบคิดว่า “ไม่รู้กี่ครั้งค่ะ” พ่อ

“ไม่เคยมีใครรักหนู

ไม่เคยมีใครสนใจหนู

โดนทิ้ง โดนหลอก

เจ็บซ้ำ ๆ ช้ำ ๆ ก็หลายที”

แต่พระเจ้าก็เยียวยาแผลเก่ามาหลายแผลแล้วนี่

สักพักฉันเห็นภาพหัวใจมีเลือดไหลสด ๆ น่ากลัวจัง จนต้องถามพระเจ้าว่าคืออะไร หมายความว่าอะไรค่ะพ่อ แล้วฉันก็ได้ยินเพลงนี้ที่ลืมไปแล้ว เพราะมันเนิ่นนานจริง  ๆ แต่อย่างที่บอกพระเจ้าไม่ลืม และหัวใจฉันไม่เคยลืม

“Knife
Cuts like a knife
How will I ever heal?
I’m so deeply wounded
Knife
Cuts like a knife
You cut away the heart of my life”

ฉันนั่งฟังเพลงนี้อีกครั้ง แล้วฉันก็เห็นภาพ ทางเดินระเบียงตึกในโรงเรียน

 หนูได้แต่แอบชอบ แอบมอง หนูได้แต่หวังว่าเค้าจะชอบหนู เห็นหนู เดินเข้ามาทักหนู

วันวาเลนไทน์ก็แอบหวังว่า เค้าจะเดินมา ยื่นดอกกุหลาบให้ ….

แล้ววันหนึ่งก็เห็น “พี่คนนั้น” เดินกับเพื่อน ของฉัน แล้วหนูก็ “ใจสลาย” กับรักครั้งแรก

แล้วฉันก็ค่อย ๆ จำได้ว่า ฟังเพลงนี้เป็นล้านครั้งได้มั้ง เพลงนี้บรรยายทุกความรู้สึกจากหัวใจฉัน และสภาพหัวใจฉันในวันนั้น ในวัยนั้น กับรักครั้งแรก แม้จะเป็นแค่หลงรัก แอบรัก แต่ก็เป็นครั้งแรกในชีวิตที่หัวใจฉันรู้จักความรัก ฉันน่าจะอยู่ ม.ต้น เอง

แล้วพ่อจ๋าก็บอกฉันว่าฉันน่ะปิดหัวใจส่วนนี้ไว้ และแผลนี้ยังไม่เคยได้รับการเยียวยาจากพ่อเลย

ก็จริงน่ะ วันนั้นฉันยังไม่รู้จักพระเจ้าเลย

และสิ่งเดียวที่เด็กน้อยคนนั้นรู้ ก็คือ ปิดหัวใจ โดยไม่รู้ตัว เพื่อปกป้องตัวเอง มาตลอดชีวิต และคิดว่าฉันน่ะ ไม่น่ารัก

แล้วหนูก็เห็นพ่อจ๋ายื่นกุหลาบหนึ่งดอกให้หนูแล้วบอกหนูว่า “My Shoulder to Cry On”

พ่อกอดหนู แล้วเป็นครั้งแรกที่หนูร้องออกมาจริง ๆ

ตอนเด็กฉันไม่เคยร้องไห้เลย เพราะเคยได้ยินแต่คำว่า “อย่าร้อง อายคน โตแล้ว”

พ่อจ๋า บอกฉันว่า “พ่อรู้ว่าหนูรู้สึกอย่างไร พ่อเองก็เจ็บกับหนูด้วย”

พระเยซู ที่เป็นเหมือนพี่ชายคนโตและเพื่อนสนิทของฉันในวันนี้ ก็บอกเด็กคนนั้นที่ยังไม่เคยรู้จักพระองค์ในวันวานว่า “เราเข้าใจ”

พระเจ้าบอกฉันว่ารักครั้งแรกกับอกหักครั้งแรกนั้นมันหนักหนาสาหัสแบบนั้นแหละ และทุกความรู้สึกของฉันนั้นมันโอเค

พ่อจ๋า บอกฉันว่า “พ่อรู้ว่าหนูรู้สึกอย่างไร พ่อเองก็เจ็บกับหนูด้วย”

ฉันเลยปล่อยโฮแบบเด็ก ๆ ออกมาเลย

พ่อจ๋าบอกฉันว่า “ร้องออกมาลูก ไม่ต้องเก็บมันไว้อีก”

ความเจ็บปวดที่แสนทรมานแบบที่เพลงนั้นบรรยายว่า

“The Pain of wanting you”  

เจ็บเมื่อเห็นเค้าเดินกับคนอื่น

เจ็บเพราะยังคิดถึง ยังอยากเห็นหน้า ยังอยาก…

จำได้ว่า ท่อนนี้ทำให้หัวเราะทั้งน้ำตา พร้อมกับคิดว่า “ใครแต่งเนี่ย ทำไมเข้าใจได้ลึกซึ้งจริง ๆ”

แล้วพ่อก็ดึงมีดที่ปักกลางใจหนูออก ฉันรู้สึกได้ถึงหัวใจที่อาบเลือดไหลสด ๆ แล้วบอกพ่อว่า “ใช่ค่ะ มันเจ็บจริง ๆ มันเจ็บลึก เจ็บนาน สำหรับหนู

“มันเศร้า เสียใจ โลกมันแตกสลาย หัวใจมันแตกสลาย” ฉันบอกพ่อ

แล้วพ่อก็ให้หนูนอนฟังเพลงนี้ “I will always love you by Joe King” หนูนอนนิ่ง ๆ เอามือกุมที่หัวใจตัวเอง แล้วหนูก็เห็นพระเยซู “Lover of my Soul” เคาะประตูใจของหนู และพระองค์เข้ามาเติมหัวใจให้หนูเต็มล้นจนหัวเราะออกมา

หนูนอนดื่มด่ำกับความรักของพระองค์ที่หัวใจหนูปรารถนา พร้อมกับได้ยินพ่อบอกหนูว่า “Nobody love you like I do” ตอกย้ำให้เด็กคนนั้นที่คิดเสมอมาว่า “Nobody love me.. ไม่มีใครรักหนู เลือกหนู ชอบหนู” แต่พ่อกลับประทับไว้ในหัวใจหนูว่า “Nobody love me like I do” ไม่มีใครรักหนูเท่าพ่อจ๋าคนนี้ กับรักที่มีแต่รักเสมอมา และลึกซึ้ง ยาวนานไปจนถึงรักแรกและอกหักยับเยินครั้งแรกของฉันเมื่อ 40 กว่าปีก่อน

พ่อจ๋าถามฉันต่อว่า เด็กคนนั้น คิดอะไร รู้สึกอย่างไร

ฉันบอกพ่อว่า “ก็เจ็บทุกที ไม่เคยมีใครชอบหนู รักหนูเลย”

สักพักฉันก็ได้ยิน พ่อบอกฉันว่า “พ่อชอบหนูน่ะ”

“หนูเป็นหนึ่งในดวงใจของพ่อเสมอ”

แล้ววันนั้นฉันก็เข้าใจ และมีประสบการณ์จริงกับสดุดี 34:18-19 

พระเจ้าอยากที่จะอยู่ใกล้ ๆ ฉันในวันนั้นที่หัวใจฉันแตกสลาย พระองค์อยากจะดูแล ทะนุถนอมจิตวิญญาณที่บอบช้ำ สิ้นหวังเหมือนจิตวิญญาณที่ไร้ชีวิตชีวา ไร้ความรู้สึกเหมือนหิน เหมือนเกาะที่โดดเดี่ยวเดียวดายที่ขังตัวเองไว้จากความกลัวเจ็บ หัวใจที่ขยาดความรักที่กันทุกคนออกไป แม้แต่พระเจ้า

Leave a comment