In My Father’s House Part 2

มันโอเคที่จะรับรู้ถึงความรู้สึกและแสดงความรู้สึกของฉันออกมา และความรู้สึกของฉันนั้นสำคัญ

บางทีคุณโตมาในบ้านที่ห้ามไม่ให้แสดงความรู้สึกออกมา การแสดงความรู้สึกเป็นเรื่องน่าอาย อ่อนแอ เป็นเด็ก

บางทีคุณอาจจะเคยได้ยินว่า อย่าร้องไห้ หนูโตแล้ว ร้องทำไม

อย่าใช้อารมณ์ ลูกผู้หญิง โมโหไม่น่ารัก เดี๋ยวไม่มีคนรักนะ

ลูกผู้ชายต้องไม่ร้อง

เด็กคนนั้นจึงโตมาและคิดว่าความรู้สึกไม่ดี ไม่ควรแสดงออกมา ควรเก็บไว้ในใจ

และสังคมก็ดูเหมือนจะส่งเสริมให้เรา “ฮึบไว้อย่าร้อง อย่าปล่อยออกมา”

การเก็บกดอารมณ์ไว้นั้นส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตใจ-ร่างกายของเรามากกว่าการแสดงอารมณ์ออกมา

มิน่าล่ะ มีคนมีปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้นทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย และรวมทั้งตัวฉันเองด้วย

ฉันคิดว่าฉันมีปัญหาอารมณ์ (ฉันเป็นโรคแพนิค ที่มาจากความกังวลและซึมเศร้า) เมื่อแพนิคกลับมาเยือนอีกครั้งหลังจากพระเจ้ารักษาอย่างอัศจรรย์เมื่อ 10 กว่าปีก่อน

และฉันมีคำถามมากมายในใจ

ฉันคิดว่าเป็นเพราะฉันเป็นคนแบบนี้ อ่อนไหวเกินไป too sensitive เป็นคนคิดมาก เป็นเด็กมีปัญหา และมีปัญหาอารมณ์ หรือ Mood Disorder

แต่กลายเป็นว่าพระเจ้าบอกกับฉันใหม่ว่า “ฉันไม่ได้มีปัญหาอารมณ์ แต่อารมณ์ของฉันนั้นสำคัญ”

Your Mood Matters! You Matters!

และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่พ่อจ๋าเริ่มสอนให้ฉันเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึกของฉัน และวิธีดูแลใส่ใจหัวใจ เพราะทุกสิ่งไหลออกมาจากหัวใจของเรา

Photo by Gerald Yambao on Pexels.com

ในบ้านของพ่อจ๋านั้น พ่อสอนให้ฉันเข้าใจว่าความรู้สึกไม่ว่าจะบวก หรือ ลบ ไม่มีอะไรถูกหรือผิด เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นในหัวใจ ในร่างกายของฉัน เป็นเรื่องปกติตามธรรมชาติที่ฉันจะมีความรู้สึกได้หลากหลาย

พ่อสอนให้ฉันเข้าใจว่าจะทำอย่างไรดีกับอารมมณ์ ความรู้สึก

พ่อสอนให้ฉันเข้าใจว่าการแสดงความรู้สึกออกมานั้น ต่างกับการใช้อารมณ์อย่างไร

พ่อจ๋าสอนให้ฉันรู้ว่าพ่อสร้างเรามาให้มีอารมณ์ ความรู้สึก มิฉะนั้นเราคงเป็นหุ่นยนต์

พ่อสอนให้ฉันเชื่อมต่อ คืนดี กับหัวใจ อารมณ์ ความรู้สึกของฉัน เพื่อที่จิตวิญญาณ ตัวตน ส่วนลึกในใจของฉันจะได้กลับมามีชีวิตและมีเสรีภาพอีกครั้ง และนั่นคือ จิตวิญญาณ (soul) หรือจิตใจ อารมณ์ ของเราจะได้มีสุขภาพดี

พ่อสอนให้ฉันรู้จักฟังเสียงจากหัวใจของตัวเอง

เสียงจากภายในที่บอกว่า…ต้องการอะไร ปรารถนาอะไร

และฟังด้วยความรัก การยอมรับ

ไม่รีบตัดสินว่าความรู้สึกนี้บวกหรือลบ ดี ไม่ดี ควร ไม่ควร และพยายามขจัดทิ้งไป

หรือ ทำเป็นไม่สนใจ เบี่ยงเบน เล่นมือถือ เล่นเกม ดูซีรีส์ย์ต่อหรือทำงานต่อ

บ้านของพ่อจ๋าเป็นที่ที่ปลอดภัยในด้านจิตใจ และพ่อจ๋าเป็นคนที่ทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย ไว้ใจได้มากพอที่จะเผยความในใจที่แท้จริง กล้าพูดคุย และเล่าให้พ่อฟังได้ทุกเรื่อง

พ่อให้พื้นที่ที่ฉันจะแสดงความรู้สึกออกมาได้อย่างเสรี ไม่ต้องเก็บกดไว้จนฉันเริ่มมีพัฒนาการด้านความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) จากที่ไม่รู้อะไรเลย นอกจากเก็บกดไว้จนท่วมท้น ระเบิดออกมากลายเป็นความเจ็บป่วยทางใจและกาย

และพ่อคนนี้มีเวลาให้ฉันเสมอและรับฟังอย่างอดทน ใจเย็น

แล้วพระเจ้าก็เริ่มเยียวยา ความรู้สึก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Soul ของฉัน

Feelings is a door to Healing.”

You can’t heal what you can’t feel.”

หลายปีที่ฉันพยายามขับไล่ความรู้สึกออกไป เพราะคิดว่ามันไม่ดี ต้องขับไล่วิญญาณชั่วออกไป วิญญาณแห่งความกลัว เศร้า กังวล จำได้ว่าทำแบบนี้มาหลายปี วนเวียนไปมา จนพ่อจ๋าสอนฉันใหม่ว่าเวลาฉันกลัว วิตกกังวล ไม่ต้องอธิษฐาน (จากความกลัว) ไม่ต้องทำอะไร แต่มาหาพ่อแบบเด็กเล็ก ๆ  บอกพ่อตรง ๆ

พ่อจ๋าหนูกลัว…หนูรู้สึก…. มานั่งพักสักครู่ให้พ่อกอด แค่มีพ่ออยู่ใกล้ ๆ ฉันก็รู้สึกปลอดภัย อบอุ่นใจ เรียกว่า “Perfect Love casts out Fear” จริง ๆ

และพ่อจ๋าก็สอนให้ฉันฝึกทักษะใหม่ ๆ ในการดูแลตัวเอง ดูแลอารมณ์ ความเครียด ความทุกข์ในชีวิต พ่อจ๋ายังส่งอีกหลายคนเข้ามาทั้งโค้ช พ่อแม่ฝ่ายวิญญาณที่เป็นตัวแทนพ่อกับแม่ที่รักฉันแบบไม่มีเงื่อนไข ฉันมีพี่แสนดีที่เชียงใหม่ และ papa-mama ที่อเมริกา และอีกหลายคนจากพันธกิจหัวใจพระบิดาที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้ฉันเปิดหัวใจ เปิดส่วนลึกของหัวใจเพื่อได้รับการเยียวยา ปลอบใจ และเติมเต็มจากบาดแผลในชีวิต

ข้อสำคัญพ่อจ๋าสอนให้ฉันเป็นคนนั้นที่ปลอดภัยให้กับตัวเอง คนที่อยู่เคียงข้าง และเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเสมอของตัวเองในยามว้าวุ้นใจ

Photo by Anna Shvets on Pexels.com

ฉันเคยอยากจะ Go Deeper with God อยากจะลงลึกในพระวิญญาณ อยากจะเดินน้ำลึกแบบที่ได้ยินมาในเพลงและคำสอน จนกระทั่งวันหนึ่งพ่อจ๋าบอกฉันว่าถ้าฉันอยากจะลึก (ซึ้ง) กับพ่อ ให้ฉันกล้าเปิดหัวใจ กล้าที่จะเปิดส่วนลึกในใจที่ไม่เคยรู้สึกปลอดภัยให้ใครเข้ามาใกล้ชิด รู้จักความรู้สึกจริง ๆ ของฉัน รู้จักความเศร้า ความทุกข์ที่เก็บไว้คนเดียว และตัวจริงของฉันที่ไม่ต้องเสแสร้งว่าโอเค มีความสุขทั้งที่ข้างในนั้นไม่ใช่

มาหาพ่อแบบเด็กเล็ก ๆ กันเถอะ

มาเล่าให้พ่อฟังว่าคุณรู้สึกอย่างไรวันนี้

มาสานความสัมพันธ์แบบลึกซึ้งกับพระเจ้า ลึกลงไปในหัวใจของคุณกับหัวใจของพ่อแบบ Heart to Heart หัวใจคุณจะอิ่ม เมื่อสัมผัสหัวใจของพ่อจ๋าที่เต็มไปด้วยความรักให้คุณ

Keep your heart open..

เปิดหัวใจ เชิญพระเจ้าเข้ามาเป็นพ่อของคุณ

บอกพ่อสั้น  ๆ ว่าพ่อจ๋า หนูกลับบ้านมาหาพ่อ มาเป็นลูกน้อยให้พ่อเลี้ยงดูจิตวิญญาณแบบพ่อ (แม่) ลูก ตั้งแต่ทุกช่วงวัยที่คุณไม่เคยได้รู้จักพระเจ้าในฐานะพ่อของคุณ

กลับบ้านมาให้ให้พ่อปลอบใจแบบ “แม่ปลอบใจลูกน้อยในอ้อมกอดและอกแม่” ในทุกช่วงเวลาที่คุณรู้สึกเสียใจ รู้สึกว่าไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่น่าพอใจ

มาฟังคำบอกรักของพ่อกัน

ลูกเอ๋ย…. ลูก (ใส่ชื่อของคุณ)

พ่อรัก ลูก (ใส่ชื่อของคุณ) นะ

พ่อแคร์ทุกความรู้สึกของหนู

มันโอเคที่หนูจะรู้สึก กลัว เวลา …ทำอะไรใหม่ ๆ

มันโอเคที่หนูจะรู้สึกเศร้า เสียใจ เมื่อมันไม่เป็นอย่างที่หวัง

มันโอเคที่หนูจะรู้สึกโกรธ

มันโอเคที่จะรู้สึกเบื่อ

มันโอเคที่จะรู้สึกไม่พอใจ

มันโอเคที่จะรู้สึกเสียใจ คิดถึง เมื่อต้องลาจากใคร หรือ สูญเสียอะไรไป

และพ่อเข้าใจความรู้สึกของหนู

และพ่อจะเป็นคนนั้นให้หนูซบบ่าร้องไห้ ให้หนูเอนตัวพิงในวันที่หัวใจเจ็บปวด อ่อนไหว อ่อนล้า แบบในเพลงที่ฉันชอบ “Lean on Me” เลย

Leave a comment