New Home & New Culture of Love
กฎ ใหม่ ในบ้านของพ่อฉัน
กฎใหม่ ข้อที่ 3: อนุญาตให้รู้สึกได้
มันโอเคที่จะรับรู้ถึงความรู้สึกและแสดงความรู้สึกของฉันออกมา และความรู้สึกของฉันนั้นสำคัญ
บางทีคุณโตมาในบ้านที่ห้ามไม่ให้แสดงความรู้สึกออกมา การแสดงความรู้สึกเป็นเรื่องน่าอาย อ่อนแอ เป็นเด็ก
บางทีคุณอาจจะเคยได้ยินว่า อย่าร้องไห้ หนูโตแล้ว ร้องทำไม
อย่าใช้อารมณ์ ลูกผู้หญิง โมโหไม่น่ารัก เดี๋ยวไม่มีคนรักนะ
ลูกผู้ชายต้องไม่ร้อง
เด็กคนนั้นจึงโตมาและคิดว่าความรู้สึกไม่ดี ไม่ควรแสดงออกมา ควรเก็บไว้ในใจ
และสังคมก็ดูเหมือนจะส่งเสริมให้เรา “ฮึบไว้อย่าร้อง อย่าปล่อยออกมา”
การเก็บกดอารมณ์ไว้นั้นส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตใจ-ร่างกายของเรามากกว่าการแสดงอารมณ์ออกมา
มิน่าล่ะ มีคนมีปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้นทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย และรวมทั้งตัวฉันเองด้วย
เรื่องราวของฉัน
ฉันคิดว่าฉันมีปัญหาอารมณ์ (ฉันเป็นโรคแพนิค ที่มาจากความกังวลและซึมเศร้า) เมื่อแพนิคกลับมาเยือนอีกครั้งหลังจากพระเจ้ารักษาอย่างอัศจรรย์เมื่อ 10 กว่าปีก่อน
และฉันมีคำถามมากมายในใจ
ฉันคิดว่าเป็นเพราะฉันเป็นคนแบบนี้ อ่อนไหวเกินไป too sensitive เป็นคนคิดมาก เป็นเด็กมีปัญหา และมีปัญหาอารมณ์ หรือ Mood Disorder
แต่กลายเป็นว่าพระเจ้าบอกกับฉันใหม่ว่า “ฉันไม่ได้มีปัญหาอารมณ์ แต่อารมณ์ของฉันนั้นสำคัญ”
Your Mood Matters! You Matters!
และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่พ่อจ๋าเริ่มสอนให้ฉันเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึกของฉัน และวิธีดูแลใส่ใจหัวใจ เพราะทุกสิ่งไหลออกมาจากหัวใจของเรา
เสรีภาพทางอารมณ์

ในบ้านของพ่อจ๋านั้น พ่อสอนให้ฉันเข้าใจว่าความรู้สึกไม่ว่าจะบวก หรือ ลบ ไม่มีอะไรถูกหรือผิด เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นในหัวใจ ในร่างกายของฉัน เป็นเรื่องปกติตามธรรมชาติที่ฉันจะมีความรู้สึกได้หลากหลาย
พ่อสอนให้ฉันเข้าใจว่าจะทำอย่างไรดีกับอารมมณ์ ความรู้สึก
พ่อสอนให้ฉันเข้าใจว่าการแสดงความรู้สึกออกมานั้น ต่างกับการใช้อารมณ์อย่างไร
พ่อจ๋าสอนให้ฉันรู้ว่าพ่อสร้างเรามาให้มีอารมณ์ ความรู้สึก มิฉะนั้นเราคงเป็นหุ่นยนต์
พ่อสอนให้ฉันเชื่อมต่อ คืนดี กับหัวใจ อารมณ์ ความรู้สึกของฉัน เพื่อที่จิตวิญญาณ ตัวตน ส่วนลึกในใจของฉันจะได้กลับมามีชีวิตและมีเสรีภาพอีกครั้ง และนั่นคือ จิตวิญญาณ (soul) หรือจิตใจ อารมณ์ ของเราจะได้มีสุขภาพดี
ฟังด้วยหัวใจ ไม่รีบตัดสิน ไม่รีบให้เหตุผล
พ่อสอนให้ฉันรู้จักฟังเสียงจากหัวใจของตัวเอง
เสียงจากภายในที่บอกว่า…ต้องการอะไร ปรารถนาอะไร
และฟังด้วยความรัก การยอมรับ
ไม่รีบตัดสินว่าความรู้สึกนี้บวกหรือลบ ดี ไม่ดี ควร ไม่ควร และพยายามขจัดทิ้งไป
หรือ ทำเป็นไม่สนใจ เบี่ยงเบน เล่นมือถือ เล่นเกม ดูซีรีส์ย์ต่อหรือทำงานต่อ
บ้านคือที่ปลอดภัยทางจิตใจ
พ่อคือคนที่ปลอดภัย ไว้ใจได้ เปิดใจได้
บ้านของพ่อจ๋าเป็นที่ที่ปลอดภัยในด้านจิตใจ และพ่อจ๋าเป็นคนที่ทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย ไว้ใจได้มากพอที่จะเผยความในใจที่แท้จริง กล้าพูดคุย และเล่าให้พ่อฟังได้ทุกเรื่อง
พ่อให้พื้นที่ที่ฉันจะแสดงความรู้สึกออกมาได้อย่างเสรี ไม่ต้องเก็บกดไว้จนฉันเริ่มมีพัฒนาการด้านความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) จากที่ไม่รู้อะไรเลย นอกจากเก็บกดไว้จนท่วมท้น ระเบิดออกมากลายเป็นความเจ็บป่วยทางใจและกาย
และพ่อคนนี้มีเวลาให้ฉันเสมอและรับฟังอย่างอดทน ใจเย็น
Emotional Healings
แล้วพระเจ้าก็เริ่มเยียวยา ความรู้สึก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Soul ของฉัน
“Feelings is a door to Healing.”
“You can’t heal what you can’t feel.”
หลายปีที่ฉันพยายามขับไล่ความรู้สึกออกไป เพราะคิดว่ามันไม่ดี ต้องขับไล่วิญญาณชั่วออกไป วิญญาณแห่งความกลัว เศร้า กังวล จำได้ว่าทำแบบนี้มาหลายปี วนเวียนไปมา จนพ่อจ๋าสอนฉันใหม่ว่าเวลาฉันกลัว วิตกกังวล ไม่ต้องอธิษฐาน (จากความกลัว) ไม่ต้องทำอะไร แต่มาหาพ่อแบบเด็กเล็ก ๆ บอกพ่อตรง ๆ
พ่อจ๋าหนูกลัว…หนูรู้สึก…. มานั่งพักสักครู่ให้พ่อกอด แค่มีพ่ออยู่ใกล้ ๆ ฉันก็รู้สึกปลอดภัย อบอุ่นใจ เรียกว่า “Perfect Love casts out Fear” จริง ๆ
และพ่อจ๋าก็สอนให้ฉันฝึกทักษะใหม่ ๆ ในการดูแลตัวเอง ดูแลอารมณ์ ความเครียด ความทุกข์ในชีวิต พ่อจ๋ายังส่งอีกหลายคนเข้ามาทั้งโค้ช พ่อแม่ฝ่ายวิญญาณที่เป็นตัวแทนพ่อกับแม่ที่รักฉันแบบไม่มีเงื่อนไข ฉันมีพี่แสนดีที่เชียงใหม่ และ papa-mama ที่อเมริกา และอีกหลายคนจากพันธกิจหัวใจพระบิดาที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้ฉันเปิดหัวใจ เปิดส่วนลึกของหัวใจเพื่อได้รับการเยียวยา ปลอบใจ และเติมเต็มจากบาดแผลในชีวิต
ข้อสำคัญพ่อจ๋าสอนให้ฉันเป็นคนนั้นที่ปลอดภัยให้กับตัวเอง คนที่อยู่เคียงข้าง และเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเสมอของตัวเองในยามว้าวุ้นใจ
Emotional Intimacy with Father

ฉันเคยอยากจะ Go Deeper with God อยากจะลงลึกในพระวิญญาณ อยากจะเดินน้ำลึกแบบที่ได้ยินมาในเพลงและคำสอน จนกระทั่งวันหนึ่งพ่อจ๋าบอกฉันว่าถ้าฉันอยากจะลึก (ซึ้ง) กับพ่อ ให้ฉันกล้าเปิดหัวใจ กล้าที่จะเปิดส่วนลึกในใจที่ไม่เคยรู้สึกปลอดภัยให้ใครเข้ามาใกล้ชิด รู้จักความรู้สึกจริง ๆ ของฉัน รู้จักความเศร้า ความทุกข์ที่เก็บไว้คนเดียว และตัวจริงของฉันที่ไม่ต้องเสแสร้งว่าโอเค มีความสุขทั้งที่ข้างในนั้นไม่ใช่
มาหาพ่อแบบเด็กเล็ก ๆ กันเถอะ
มาเล่าให้พ่อฟังว่าคุณรู้สึกอย่างไรวันนี้
มาสานความสัมพันธ์แบบลึกซึ้งกับพระเจ้า ลึกลงไปในหัวใจของคุณกับหัวใจของพ่อแบบ Heart to Heart หัวใจคุณจะอิ่ม เมื่อสัมผัสหัวใจของพ่อจ๋าที่เต็มไปด้วยความรักให้คุณ
Keep your heart open..
เปิดหัวใจ เชิญพระเจ้าเข้ามาเป็นพ่อของคุณ
บอกพ่อสั้น ๆ ว่าพ่อจ๋า หนูกลับบ้านมาหาพ่อ มาเป็นลูกน้อยให้พ่อเลี้ยงดูจิตวิญญาณแบบพ่อ (แม่) ลูก ตั้งแต่ทุกช่วงวัยที่คุณไม่เคยได้รู้จักพระเจ้าในฐานะพ่อของคุณ
กลับบ้านมาให้ให้พ่อปลอบใจแบบ “แม่ปลอบใจลูกน้อยในอ้อมกอดและอกแม่” ในทุกช่วงเวลาที่คุณรู้สึกเสียใจ รู้สึกว่าไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่น่าพอใจ
มาฟังคำบอกรักของพ่อกัน
ลูกเอ๋ย…. ลูก (ใส่ชื่อของคุณ)
พ่อรัก ลูก (ใส่ชื่อของคุณ) นะ
พ่อแคร์ทุกความรู้สึกของหนู
มันโอเคที่หนูจะรู้สึก กลัว เวลา …ทำอะไรใหม่ ๆ
มันโอเคที่หนูจะรู้สึกเศร้า เสียใจ เมื่อมันไม่เป็นอย่างที่หวัง
มันโอเคที่หนูจะรู้สึกโกรธ
มันโอเคที่จะรู้สึกเบื่อ
มันโอเคที่จะรู้สึกไม่พอใจ
มันโอเคที่จะรู้สึกเสียใจ คิดถึง เมื่อต้องลาจากใคร หรือ สูญเสียอะไรไป
และพ่อเข้าใจความรู้สึกของหนู
และพ่อจะเป็นคนนั้นให้หนูซบบ่าร้องไห้ ให้หนูเอนตัวพิงในวันที่หัวใจเจ็บปวด อ่อนไหว อ่อนล้า แบบในเพลงที่ฉันชอบ “Lean on Me” เลย