In My Father’s House Part 3

New Home & New Culture of Love

กฎ ใหม่ ในบ้านของพ่อฉัน

ฉันดีพอในสายตาของพ่อจ๋าเสมอ

แม้เมื่อฉันทำผิดพลาด ทำตัวไม่น่ารัก หงุดหงิด

ฉันยังคงเป็นลูกรักเสมอในสายตาของพ่อ

เรื่องของฉัน

ยังไม่ดีพอ เบื้องหลัง การบ้างาน ความสมบูรณ์แบบ และ หมดไฟของฉัน

เมื่อฉันกลับบ้านมาเป็นลูกน้อยให้พ่อจ๋าเลี้ยงดูใหม่ ๆ บทเรียนแรก  ๆ ที่พ่อจ๋าสอนให้ฉันรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเองก็คือฉันคิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถพอ เก่งพอเท่ากับคนอื่น ๆ  เลยทำให้ฉันต้องพยายามทำงานมากขึ้น ทำนานขึ้น ทำหนักขึ้นเพื่อพิสูจน์ตัวเอง

เพราะคุณค่าและตัวตนของฉันอยู่กับงาน และการกระทำ ฉันจึงกลายเป็นมนุษย์งาน ทั้งที่บ้าน และชีวิตส่วนตัว

ถ้าวันไหนไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน รู้สึกไม่มีคุณค่า

จนฉันกลายเป็นคนบ้างาน และความสมบูรณ์แบบ และพาฉันไปสู่ความเครียดสะสม ภาวะหมดไฟ วิตกกังวล ซึมเศร้าจนกลายเป็นโรคแพนิค

Photo by Designecologist on Pexels.com

ความรู้สึกไม่ดีพอเป็นเหมือนนิ้วชี้คอยตำหนิ และเป็นเสียงกระซิบบอกคุณว่า …

ยังไม่ดีพอ

ยังไม่เก่งพอ

ยังไม่สวยพอ

ยังไม่มีคุณสมบัติพอ… ที่จะ…

ไม่คู่ควรพอที่จะ…

ความรู้สึกและความคิดเช่นนี้อาจมาจากการเลี้ยงดูในวัยเด็ก คำพูดของพ่อแม่ ผู้ใหญ่ ประสบการณ์จากโรงเรียน สังคมและจากสื่อ

บางทีคุณเรียนรู้ว่าคุณไม่เคยทำอะไรได้ถูกใจพ่อแม่เลย เพราะถูกตำหนิ บ่น ว่าตลอดจนคุณรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรดี ไม่มีความสามารถ ไม่ได้เรื่องเลย

บางทีคุณได้ยินคำเปรียบเทียบจากพ่อแม่ คุณจึงมักจะคิดว่าคนอื่นดีกว่าคุณ พร้อมกว่าคุณ และทำได้ดีกว่าคุณ

บางทีคุณไม่เคยรู้สึกว่า “ดีพอ” เพราะคุณไม่เคยได้ยินคำชม คำให้กำลังใจว่า “หนูทำได้ดีมากเลย” “หนูเก่งจังเลย” เพราะไม่มีใครแสดงความภาคภูมิใจในตัวคุณ ในสิ่งที่คุณทำ ในความคิดเห็น หรือไอเดียของคุณ

บางทีคุณไม่เคยได้ยินคำว่า “รัก” หรือแสดงออกว่ารัก จนคุณคิดว่าคุณไม่น่ารัก ไม่สมควรได้รับความรัก

ความรู้สึก “ยังไม่ดีพอ”  ส่งผลต่ออัตลักษณ์ ความเชื่อ มุมมองที่คุณมีต่อตัวเอง

ขโมยตัวตนของคุณ ลดคุณค่า ลดความสำคัญของตัวเอง ทำให้คุณรู้สึกว่าเป็นแค่คนตัวเล็ก ๆ

ที่แย่ที่สุด ความรู้สึก “ยังไม่ดีพอ”  นั้นจะทำร้ายคุณลึกลงไปในจิตวิญญาณ (soul) หัวใจ และความคิด ทำให้คุณตำหนิตัวเอง สงสัยตัวเอง ไม่เชื่อมั่นและภาคภูมิใจตัวเอง ทำให้คุณเห็นแต่ข้อด้อย สิ่งที่ผิด ไม่เคยเห็นอะไร ดี หรือ ถูก เกี่ยวกับตัวเอง

ฉันเคยคุยกับโค้ชที่พระเจ้าส่งมา แล้วพบว่าฉันมองตัวเองว่าเป็นเด็กเกรด D ทั้งที่จริง ๆ แล้วฉันเป็นเด็กเกรด A มิได้น้อยหน้าใคร ๆ โดยเฉพาะในสายตาของพ่อจ๋า และอีกหลายคนที่ทำงานกับฉัน แต่ฉันไม่เคยรู้สึกเช่นนั้นเลยมานานกว่า 50 ปี

จากวัยเด็ก สู่วัยโต และเมื่อคุณมารู้จักพระเจ้า

ความรู้สึก “ยังไม่ดีพอ”   อาจทำให้คุณคิดว่าคุณ…

ยังเป็นคริสเตียนที่ไม่ดีพอ

ยังไม่มีความเชื่อพอ

ยังไม่มี….. พระวิญญาณ การเจิม หรือมีแต่ยังไม่มากพอ

ยังไม่สมควรที่จะเป็นลูกสุดที่รัก

เป็นเพียงแค่ คนบาป ที่ไม่สมควร  …

คุณสมควรที่จะเป็นแค่…ผู้รับใช้ ไม่ใช่ลูก

และถ้าคุณไม่สบาย อาจเป็นเพราะคุณไม่ได้ทำ……… มากพอ

คุณจึงต้องทำ………..มากกว่านี้

ความรู้สึก “ยังไม่ดีพอ”  ขัดขวางความสามารถในการรับทุกสิ่งที่พระเจ้าปรารถนาให้คุณ

คุณไม่สามารถรับจากพระเจ้าได้โดยตรง เพราะคิดว่ายังไม่ดีพอ ไม่รู้มากพอ ไม่ได้ทำ…มากพอ

ความรู้สึก “ยังไม่ดีพอ”   ทำให้คุณกลัวว่า อาจจะทำได้ไม่ดีพอ หรือ กลัวที่จะทำผิดพลาด

กลัวว่าจะทำให้พระเจ้าไม่พอพระทัย

กลัวจะหลงทาง กลัวจะหลงหาย

ความรู้สึกไม่ดีพอ ต่ำต้อย หรือ รู้สึกอับอา  มีรูปร่าง หน้าตา และเสียงเป็นอย่างไรในชีวิตคุณ

คุณเรียนรู้ว่า  “ยังไม่ดีพอ” “ต่ำต้อย”จากที่ใดบ้าง ที่บ้าน ที่โรงเรียน ที่ทำงาน จากสังคมและสื่อ

เกิดอะไรขึ้นกับคุณ มีเหตุการณ์ใดในชีวิตที่ทำให้คุณรู้สึกเช่นนี้

ใช้เวลานึกสักครู่

รับรู้ถึงความรู้สึกนี้

ความรู้สึกนี้กัดกินจิตวิญญาณ ขโมยอะไรไปจากชีวิตคุณบ้าง

ทำให้คุณรู้สึก แย่ กับตัวเอง เพียงไร

อธิษฐาน

พระเจ้าพระบิดา ลูกมาหาพระองค์ ขอพ่อปลดปล่อยและเยียวยาหัวใจลูกจากความรู้สึกไม่ดีพอ ไม่สมควร ความรู้สึกต่ำต้อย

ขอให้พระเจ้าเปิดเผยว่ามีเหตุการณ์ใดบ้างที่ทำให้คุณรู้สึกว่ายังไม่ดีพอ และทำให้คุณมีความเชื่อ มุมมองผิด ๆ เกี่ยวกับตัวเองอย่างไร และให้พระเจ้าพูดความจริงเกี่ยวกับตัวคุณ

ขอให้พระเจ้าเปิดเผยว่าคุณมีความเชื่อ มุมมองผิด ๆ เกี่ยวกับพระเจ้าในฐานะพ่อของคุณอย่างไร

และเปิดหัวใจ ความคิด จิตวิญญาณให้พระเจ้าเยียวยา ปลดปล่อยคุณให้มีเสรีภาพจาก ความรู้สึก “ยังไม่ดีพอ”   

เปิดหัวใจรับการเลี้ยงดูจากพระเจ้า

Photo by Anna Shvets on Pexels.com

ในบ้านของพ่อจ๋า คุณจะได้ยินเสียงแห่งความรัก แทน เสียงแห่งความอับอาย

ให้ถ้อยคำแห่งความรักของพ่อหล่อเลี้ยงหัวใจ จิตวิญญาณ ความคิดของคุณให้เติบโต พัฒนาจากรากฐานที่มั่นคงนี้

ลูกเอ๋ย (ใส่ชื่อของคุณ) เอียงหูมาฟังคำของพ่อ รักษาดูแลคำเหล่านี้ไว้ภายในหัวใจของลูก

เพราะคำของพ่อนั้นให้ชีวิต เสริมสร้างลูกให้เติบโต

และเป็นยารักษา เยียวยาบาดแผลในหัวใจ

และเติมเต็มหัวใจให้เบิกบาน

ลูก (ใส่ชื่อของคุณ) ลูกเป็น

แก้วตาดวงใจ ที่พ่อหวงแหน ห่วงใย

ลูกที่พ่อภาคภูมิใจ

ลูกที่พ่อพอใจ ถูกใจ และชอบใจมาก

ลูกที่พ่อรักและยอมรับ

ลูกที่พ่ออยากนั่งคุย นั่งเล่น เดินเล่น

 เพราะลูกเป็นสมบัติล้ำค่าของพ่อ เป็นลูกสุดที่รักของพ่อ

พ่อรักลูกนะ (ใส่ชื่อของคุณ)

พ่อรักหนู (ใส่ชื่อของคุณ) ในแบบที่หนูเป็นแบบนี้เลย แบบที่พ่อสร้างหนูมา

พ่อภูมิใจในตัวหนูมากเลย (ใส่ชื่อของคุณ)

หนู (ใส่ชื่อของคุณ) คู่ควรที่จะเป็นลูกรักของพ่อ

หนู (ใส่ชื่อของคุณ) เป็นคนสำคัญของพ่อเสมอ

(ใส่ชื่อของคุณ) พ่อจะคอยดูแล ปกป้อง เลี้ยงดู ซัพพอร์ต หนูเสมอ

Leave a comment