Mothering Love of God – ความรักของพระเจ้าแบบแม่รักลูก

สัมผัสความรัก การเลี้ยงดูแบบครอบครัวจากหัวใจของความเป็นแม่ของพระเจ้า

ในช่วงวันแม่ นอกจากจะฉลองวันแม่ให้กับแม่ของฉันแล้ว ฉันมักจะนึกถึง Mothering Love of God กับเส้นทางแห่งความรักที่พระเจ้าพาฉันมาไกล จนวันนี้ฉันรักแม่ของฉันได้มากขึ้นจากใจจริง ไม่ใช่แค่เพียงจากหน้าที่ที่ถูกสอนมาให้รัก เคารพ ดูแลพ่อแม่ ไม่งั้นบาป หรือ ไม่กตัญญู

วันแม่เป็นอีกวันที่ทำให้ฉันตระหนักถึงความสำคัญของครอบครัว การเลี้ยงดู และตระหนักถึงผลเสียหายที่ตามมาหากไม่ได้รับความรัก ความอบอุ่นในครอบครัวในวัยเด็ก และนึกถึงสิ่งที่หัวใจฉันโหยหา ตามหามานาน โดยไม่รู้ว่ามันคืออะไร

Photo by Ann H on Pexels.com

“Hole Hearted” เพลงโปรดของฉัน บอกเล่าเรื่องราวชีวิตฉันได้โดนใจ หัวใจฉันมีรู และไม่เคยมีอะไรเติมให้เต็มได้ และความว่างเปล่า อ้างว้าง เดียวดาย เป็น deep loneliness ที่รู้สึกตั้งแต่เด็ก และไม่เคยเข้าใจว่าทำไม และมันน่าเจ็บปวด

ในวัยเด็ก ฉันคิดว่าเมื่อฉันเจอใครสักคนที่ใช่ คนนั้นจะเติมเต็มหัวใจฉันแบบในหนัง Hollywood ที่ฉันหลงรัก “You completed me”

หนังสือ The Missing Piece เป็นอีกภาพที่บรรยายสภาพหัวใจ และความรู้สึกของฉันมาตลอดกับการเดินทางตามล่าหาชิ้นส่วนที่จะมาเติมเต็มหัวใจฉัน ฉันใช้เวลานานเกือบ 50 ปี กว่าจะเจอชิ้นส่วนนั้น และไม่อยากให้คุณต้องใช้เวลานานแบบนั้น ไม่อยากให้คุณต้องดิ้นรน พยายามอย่างหนักเหมือนฉัน เพื่อที่จะไขว่คว้า ไล่ล่าความสุขในใจจากภายนอกที่ไม่เคยเติมเต็ม

หลายปีก่อน ฉันได้มีโอกาสรู้ว่า อะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกเช่นนั้น จำได้ว่าในสัมมนาหัวใจพระบิดา หรือ Father’s Heart มีการสอนถึงความรักของพระเจ้าแบบแม่รักลูก Mother Heart of God (ที่สอนโดย Dennis Jordan) วิทยากรอธิบายให้เข้าใจถึงความรักของแม่แบบสตอร์เก (Storge Love) หรือความรักความผูกพันที่จะช่วยสร้างฐานรองรับแบบภาชนะที่เราจะเก็บความรักนั้นไว้ได้ และรักนั้นจะถูกบ่มเพาะเติบโตในหัวใจของเด็กน้อยจนถึงวัยโต

ฉันฟังแล้วชวนให้นึกถึงสภาพหัวใจมีรูของตัวเอง เพราะไม่มีความรักที่จะสร้างฐานรองรับ ไม่มีความรักมาเติมเต็มหัวใจ จึงรู้สึกว่างเปล่า และฉันก็เป็นเด็กคนนั้นที่โตมาแบบนั้นเอง และทำหลายอย่างเพื่อที่จะเติมเต็มหัวใจ แต่ไม่เคยมีอะไรเติมเต็มได้นาน มีความสุขเพียงชั่วแวบ แล้วก็วิ่งตามหาความสุข ความพอใจอีกต่อไปเรื่อย ๆ จนเหนื่อย

เด็กที่ขาดการเลี้ยงดูด้วยความรัก ความใส่ใจ ความอบอุ่นจากแม่ ไม่ได้เชื่อมสายสัมพันธ์ผูกพันกับแม่ก็จะมองหาจากที่อื่นเพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาด เติมเต็มช่องว่างหรือความรู้สึกว่างเปล่าในหัวใจด้วยการแสวงหาความรัก ความพึงพอใจจากที่อื่น จากเพื่อน เพศตรงข้าม แม้แต่เพศเดียวกัน จากเกม มือถือ ช้อปปิ้ง งาน ความสำเร็จ เงินทอง หรือแม้แต่จากการกิน แบบที่เรียกอาหารบางอย่างว่า Comfort Food เพื่อให้ได้ความรู้สึกพึงพอใจ อิ่มใจ

นั่นคือวิธีที่ฉันและผู้คนมากมายต่างพยายามเติมเต็ม แต่น่าเศร้าที่มันไม่เคยเติมเต็มได้จริงและนานพอ

สิ่งที่หัวใจและจิตวิญญาณของฉันและคุณโหยหานั้นอยู่ที่อ้อมกอดแม่ ความรัก การดูแลเอาใจใส่ความสนิทสนมใกล้ชิดกับแม่จะให้ความรู้สึกพึงใจและเติมเต็มหัวใจของคุณได้จริง ๆ จากภายใน

การเลี้ยงดูของแม่ในพระคำ สดุดี 131: 2-3

Photo by Sarah Chai on Pexels.com

อ้อมกอดของแม่เป็นที่ที่สร้างความรู้สึกปลอดภัย มั่นคงให้เด็กน้อย สัมผัสรักจากความใกล้ชิดกับแม่สร้างความอบอุ่นใจ ทำให้ร่างกาย สภาวะจิตใจภายใน และระบบสมองและประสาทอัตโนมัติของเด็กน้อยอยู่ในสภาวะสงบ (calm) นิ่ง (quiet) ซึ่งตรงข้ามกับภาวะกระวนกระวาย อยู่ไม่นิ่ง เด็กน้อยจะรู้สึกผ่อนคลาย แฮปปี้ พึงพอใจ อิ่มใจ สุขใจ และรู้สึกเติมเต็ม (Content & Satisfied)

เพราะแม่ไม่ได้แค่เลี้ยงเราด้วยนมจากเต้า หรือแค่เลี้ยงดูทางกายภาพ แต่แม่ยังเลี้ยงดูเราด้วยความรัก ความอบอุ่น สัมผัสจากอ้อมกอด อ้อมอกแม่ให้ไออุ่น ทำให้เด็ก ๆ สงบ นิ่ง และสายตาของแม่ที่มองลูกอย่างรักใคร่ เสียงร้องเพลงกล่อม ปลอบประโลมใจ พูดคุย หยอกล้อ ช่วยสร้างความผูกพันในหัวใจ ความรู้สึกปลอดภัย ความไว้วางใจ

ในทางจิตวิทยา อธิบายไว้ว่าเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูแบบนี้จากแม่ พอโตมาก็จะมีความพึงพอใจในความสัมพันธ์ ไว้วางใจในความสัมพันธ์ สามารถมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและเชื่อมต่อทางอารมณ์กับคนอื่นได้ เห็นคุณค่าในตนเอง  มีความมั่นคงทางอารมณ์ ส่วนศาสตร์ด้านสมองและระบบประสาท Neuroscience พบว่าเด็ก ๆ ที่โตมาด้วยความรักใกล้ชิดจากแม่จะมีพัฒนาการด้านสมองและอารมณ์ที่ดี รวมทั้งระบบประสาทอัตโนมัติที่ผ่อนคลาย

ตรงกันข้ามหากเด็กไม่ได้รับความอบอุ่น ถูกปฏิเสธ ถูกทอดทิ้ง ละเลยจากผู้เลี้ยงดู เด็กจะเรียนรู้ว่า คนอื่นไม่น่าไว้วางใจ ทำให้ยากที่จะไว้ใจคนอื่น รวมทั้งพระเจ้าด้วย เพราะเราเรียนรู้ที่จะไว้วางใจที่อกแม่ (สดุดี 22:9)  

ความรักและการเลี้ยงดูจากแม่ (และจากพ่อ) ทำให้เด็ก ๆ เรียนรู้ว่าเป็นคนสำคัญ มีคุณค่า เป็นที่รัก

หากไม่ได้รับการเลี้ยงดูจากแม่ เด็กน้อยจะมองตนเองว่าไร้คุณค่าแก่การใส่ใจ ดูแล ไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ต้องการ และไม่คู่ควรกับสิ่งดี ๆ  ความรู้สึกและความเชื่อเช่นนี้จะฝังลึกในใจ โดยไม่รู้ตัว และส่งผลต่อความสัมพันธ์ และบุคลิกภาพจนถึงวัยผู้ใหญ่  

เมื่อไม่มีใครยืนยันถึงตัวตน คุณค่า ความสำคัญของเด็กน้อย เด็กน้อยจึงพยายาม ทำทุกอย่างเพื่อยืนยัน พิสูจน์ ว่าดีพอ มีคุณค่าพอ มีความสำคัญพอ จากสิ่งที่ทำ จากงาน ความสำเร็จ จากสิ่งของภายนอก

หากขาดการเลี้ยงดูแบบใส่ใจ เด็กๆ ก็จะเรียนรู้ที่จะเอาตัวรอดด้วยตัวเอง โตเร็วเกินวัย ไม่ต้องการพึ่งพิงใครภายนอก “ฉันไม่แคร์ ฉันโอเค ไม่เป็นไร” ทำตัวเข้มแข็ง ไม่ต้องการใคร ดูแลตัวเอง พึ่งพาตัวเองได้ นั่นคือวิธีที่เด็กคนนั้นโตมาและสร้างบุคลิกหญิงแกร่ง ห้าว อึดถึกของฉัน แต่ภายในลึก  ๆ นั้นฉันโหยหาต้องการความรักเสมอ แต่ก็กลัวความรัก ความใกล้ชิดเช่นกัน

แม้ต้องการความรัก แต่ไม่กล้าเปิดใจให้ใคร ไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ไม่อยากสร้างความสัมพันธ์กับใคร เพราะกลัวการถูกปฏิเสธ กลัวถูกทอดทิ้ง กลัวความเจ็บปวด

จึงพยายามทำทุกสิ่ง เพื่อทำให้คนอื่นพอใจ ถูกใจ เพื่อที่จะได้รู้สึกปลอดภัย มักจะใส่ใจดูแลคนอื่น แต่มองข้ามความต้องการของตัวเอง และเรียนรู้ที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ผู้อื่นพอใจ แต่ไม่เคยรู้สึกพอใจจากภายใน เพราะความรู้สึกพึงพอใจนั้นมาจากวัยเด็กที่เรียนรู้ว่าตนเป็นที่รัก พอใจ ชอบใจ ของพ่อแม่

เด็กที่โตมาแบบถูกปล่อยให้เล่นคนเดียว หรือยุคนี้ปล่อยให้เล่นกับมือถือ หรือ iPad รวมทั้งพ่อแม่ที่เล่นกับลูกไม่เป็น เลี้ยงดูแต่ทางกายภาพ ให้เงินและสิ่งของ แต่ไม่ได้สานสัมพันธ์ทางใจ หรือสร้าง Emotional Connection  ทำให้ขาดความผูกพันทางอารมณ์ (Emotional Intimacy) ขาดความใกล้ชิดทางใจ ไม่ได้เชื่อมโยงสัมพันธ์กันในระดับอารมณ์หรือความรู้สึก เหมือนอยู่ใกล้แต่มันรู้สึกไกลกัน ต่อไม่ติด เพราะหัวใจมันสื่อถึงกันไม่ได้ ไม่มีสายใยผูกพันกัน เป็นแค่ความสัมพันธ์แบบผิวเผิน คุยกันเรื่องงาน อากาศ กินข้าวยัง ทำการบ้านยัง เป็นงัยบ้าง โอเค ก็ดี

เด็ก ๆ จะรู้สึกไม่สนิทกับแม่และพ่อ ไม่รู้สึกสนิทพอที่จะเล่าปัญหา แสดงตัวตนที่แท้จริง เวลามีปัญหาจะหาเพื่อน

ฉันเองก็เป็นแบบนั้นกับพ่อแม่ พี่น้อง และคนอื่น เคยมีเพื่อนบอกว่าฉันมีกำแพงกั้นสูงที่ไม่ให้ใครเข้ามาใกล้เกินไป (เพราะฉันไม่รู้สึกปลอดภัย กลัวความเจ็บปวด) พอมารู้จักพระเจ้า ความสัมพันธ์ของฉันก็เป็นรูปแบบนั้น เพราะเป็นรูปแบบเดียวที่ฉันคุ้นชินและโตมา

วันนั้นที่ฉันได้ยินว่าพระเจ้านั้นรักฉันแบบแม่ และปรารถนาที่จะให้ความรักนี้ที่ฉันต้องการ แต่อาจไม่เคยได้รับ จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ไม่ใช่ความผิดของแม่หรือของพ่อฉัน ท่านทั้งสองได้พยายามเต็มที่และทำดีที่สุดแล้ว

ฉันเพียงแต่เรียนรู้ว่า สิ่งที่ฉันเป็นรวมทั้งหลากหลายปัญหาในชีวิต ความรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่เป็นที่รัก ไม่รู้สึก belong ไม่ใช่เพราะฉันไม่ดี หรือมีอะไรผิดปกติอย่างที่ฉันคิด

แต่พระเจ้าสอนให้ฉันเข้าใจใหม่ว่า เป็นเพราะฉันมีความต้องการที่ไม่เคยได้รับการตอบสนอง ฉันเพียงแต่ต้องการความรัก การเลี้ยงดูจากแม่ที่เรียกว่า Storge Love หรือความรักความใกล้ชิดสนิทสนมในครอบครัวที่หัวใจของฉันต้องการ ซึ่งเป็นความรักที่เลี้ยงดูทั้งกายและใจ (Nurture) ความรักที่เมตตา ใจดี ใจเย็น (Compassion) ความรักที่อ่อนโยน อบอุ่นใจ (Tenderness) ความรักที่ปลอบประโลมใจ ชูใจ (Comfort) รักนี้แหละที่จะเป็นรากฐานมั่นคงที่คอยซัพพอร์ต อุ้มชูให้คุณเติบโตและก้าวผ่านอุปสรรคชีวิตในยามทุกข์ยาก

และจากวันนั้น หัวใจฉันเปิดออกให้พระเจ้าเลี้ยงดูในฐานะแม่ และรับความรักที่ขาดหายไปในวัยเด็ก พระเจ้าเริ่มสอนให้ฉันเปิดหัวใจรับการเลี้ยงดูแบบแม่จากพระเจ้า รวมทั้งจากผู้หญิงอีกหลายคนที่พระเจ้าส่งมาให้เลี้ยงดูฉันแบบแม่จริง  ๆ และอีกหลายหลายวิธีที่พระเจ้าเลี้ยงดูเด็กน้อยคนนั้นทุกช่วงวัย

หากคุณหากคุณไม่ได้โตมากับแม่ ไม่ได้ใกล้ชิดกับแม่ ไม่ได้รับการดูแล ใส่ใจ ไม่ได้รับซัพพอร์ตทางใจที่คุณต้องการ และคุณรู้สึกว่าขาดอะไรไป

หากคุณไม่เคยถูกกอด หอมแก้ม ลูบหัว นอนหนุนตักเล่นกับแม่ ไม่เคยถูกบอกรัก

หากเวลาคุณมีปัญหา เหนื่อย เสียใจ ร้องไห้ ไม่มีใครกอดและปลอบใจคุณ

อธิษฐานขอให้พระเจ้าสำแดงเปิดเผยความรักแบบแม่ของพระองค์ที่มีต่อคุณ

เปิดหัวใจรับประสบการณ์การเลี้ยงดูจากพระเจ้า สัมผัสความรักแบบแม่ที่พระเจ้าปรารถนาจะให้คุณ หัวใจของพระเจ้านั้นเป็นแม่ตัวจริง ตัว Mom เลย เปิดใจและยอมให้พระเจ้าเข้ามาในหัวใจส่วนลึกที่สุดของคุณ เปิดประตูใจส่วนนั้นให้ความรักแบบแม่ของพระเจ้าโอบกอดคุณแบบลูกน้อยแนบชิดใกล้อกแม่

ในอ้อมกอดของแม่ เด็ก ๆ จะรู้สึกปลอดภัย สงบ ผ่อนคลาย แฮปปี้ และพึงพอใจ

สภาวะจิตใจ ภายใน และร่างกายของเด็กน้อยจะรู้สึกสงบ (calm) นิ่ง (quiet)

รู้สึกพึงพอใจ อบอุ่นใจ อิ่มใจ สุขใจ และเติมเต็ม (Content & Satisfied)

นั่นคือภาพแห่งความรัก การเลี้ยงดูที่พระเจ้าปรารถนาจะเลี้ยงดูคุณด้วยความรักของแม่จากพระองค์

เด็ก ๆ ที่มีแม่อยู่ใกล้ชิดจะรับรู้ถึงการมีแม่อยู่ด้วยจริง ๆ จะไม่หวั่นไหวหรือกลัวง่าย แต่รู้สึกปลอดภัย จิตใจและจิตวิญญาณก็จะมีความสุข แฮปปี้ และร่างกายทุกส่วนก็จะรู้สึกปลอดภัย สงบ ผ่อนคลาย

ใช้เวลาเงียบ  ๆ กับพระเจ้า

เริ่มต้นด้วยการหายใจเข้าทางจมูกช้า ๆ เหมือนสูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้

แล้วหายใจออกทางปาก ช้า  ๆ ยาว ๆ สักสองสามครั้ง

ช่วงเวลานี้ให้คุณวางหน้าที่ แบกภาระความรับผิดชอบ รายการสิ่งที่ต้องทำ ควรทำ อยากทำ มากมายใหญ่โตของคุณลงสักครู่ ละสายตา ละความคิดถึงสิ่งเหล่านั้นลงสักครู่ แบบที่ดาวิดทำ

มาหาพระเจ้าแบบด็กเล็ก ๆ

จินตนาการว่าคุณเป็นเด็กเล็ก  ๆ ที่เหนื่อยล้าจากเรื่องยุ่ง ๆ มากมายในชีวิต

จินตนาการว่าพระเจ้าถามคุณด้วยความห่วงใยว่า “ เหนื่อยมั้ย ลูก (ใส่ชื่อคุณ)”

แล้วพระองค์ก็ลูบหัวคุณด้วยความเอ็นดู และบอกคุณว่า  “พักสักครู่หน่อยลูก เดี๋ยวค่อยทำต่อ ไม่ต้องกังวลนะ”

แล้วพระเจ้าก็เอื้อมมือมากอดคุณ ด้วยความรักใคร่แบบแม่ที่รักลูก

แล้วพระองค์ก็ก้มมองคุณ สบตาคุณด้วยความรัก และยินดี

พระองค์พูดกับคุณด้วยความนุ่มนวล อ่อนโยน ว่า ลูก (ใส่ชื่อของคุณ) ลูกรักของแม่ แม่รักหนูน่ะ แม่พึงพอใจ ภูมิใจในตัวหนูมากเลย หนูน่ารักมากเลยลูก” 

ใช้เวลาตรงนี้ให้พระองค์โอบกอดคุณไว้ที่อกของพระองค์

เอามือวางที่หน้าอกของคุณ

หายใจเข้า ออก ช้า ๆ

พักนิ่งสงบ ในอ้อมกอดของพระองค์

เหมือนเด็กน้อยที่ดื่มนมจากอกแม่ แล้วหลับไปอย่างสุขใจ

ใช้เวลาอยู่ตรงนี้ นานเท่าที่คุณพอใจ

Leave a comment