Hamster Wheel of Burnout

เมื่อฉันติดกับดักเป็นหนูปั่นจักร วนไปวนมาอยู่ในวงจรความเครียด วิตกกังวล แพนิค ซึมเศร้าและหมดไฟ

ปีนี้ก่อนวันเกิดไม่กี่วัน ได้คุยกับโค้ชที่ฉันเรียน EFT หรือ Emotional Freedom Technique ด้วย ฉันเล่าให้ฟังว่าฉันไม่อยากจะทำต่อแล้ว รู้สึก Overwhelm หรือท่วมท้น และอยากจะ quit เลิกดีกว่า ฉันรู้สึกได้ถึงแรงต้านภายใน หรือ inner resistance ว่า No ไม่เอาแล้ว ทุกครั้งที่เริ่มอ่าน หรือ ทำอะไรกับการเรียนครั้งนี้ เหมือน Body Says No หัวฉันจะตื้อ คิดอะไรไม่ออก ไม่รับอะไร และร่างกายรู้สึกตึง เครียด ขึ้นมาทันที

ฉันเล่าให้โค้ชฟังว่าฉันเคย Burnout มาก่อน และไม่อยากจะเป็นแบบนั้นอีก

ที่ผ่านมาฉันมักจะ push through เคี่ยวเข็ญ กระตุ้นให้ตัวเองทำต่อ แต่ครั้งนี้ฉันเรียนรู้วิถีใหม่ แทนที่จะโหดร้ายกับตัวเอง ฉันอ่อนโยน และฟังเสียงของร่างกายและอนุญาตให้ตัวเองหยุดพัก แทนที่จะทำอะไรแบบลากยาว แล้วหมดแรง หมดไฟทีหลัง

โค้ชบอกให้ฉันเล่าช่วงเวลานั้นของชีวิตที่ฉัน burnout

ฉันจำได้ว่าฉันเป็นผู้จัดการครั้งแรก ตื่นเต้นกับงานใหม่ที่ท้าทายกับการเป็นทีมตั้งธุรกิจใหม่ในประเทศไทย ตามประสาคนไฟแรง ฉันทุ่มเททำงาน อย่างหนัก มารู้ว่าการทำงานหนักของฉันเป็นวิธีที่ฉันหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดในชีวิต ตอนนั้นอกหัก เลยหันมาทุ่มกับงาน บวกกับต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าฉันทำได้ มีความสามารถ เป็นแรงผลักดันให้ฉันกลายเป็น workaholic โดยไม่รู้ตัว ทุก addiction มีความเจ็บปวดเป็นตัวผลักดันเสมอ

แรงผลักดันนี้แหละที่ Dr. K เรียกว่า Toxic Fuel ที่เป็นเชื้อเพลิงชั้นดีให้ฉันมีแรงทำต่อไป

ไม่นานฉันเริ่มมีอาการเครียดลงกระเพาะ รู้สึกอยากอาเจียนทุกเช้า จำได้ว่ากินยาเคลือบกระเพาะจนเหมือนทาลิปสติกสีขาว

มารู้วันนี้นี่แหละว่าร่างกายฉันกำลังบอกอะไรฉัน แต่ฉันไม่เข้าใจ จนในที่สุดร่างกายต้องตะโกนดังขึ้น ด้วยการแสดงอาการต่าง ๆ ออกมา

ฉันเริ่มไม่อยากไปทำงาน แต่ต้องทำต่อไป

แน่นอนฉันเป็นคนที่มี self-motivation สูงมาก และฉันก็ force ให้ตัวเองทำและยังทำได้ดีด้วย

จนฉันเริ่มมีหลายอาการ ความเครียดสะสมทำให้ฉันเริ่มมีอาการแพนิคครั้งแรก รวมทั้งอาการ burnout ที่สุดท้ายทำให้ฉันลาออกจากงาน และไปอเมริกา เพราะร่างกายบอกว่า “ไม่ไหวแล้วโว้ยยยยย” รวมทั้งภาวะอารมณ์ที่เหนื่อยล้า เฉยชา ขาดความสนใจทุกสิ่งในชีวิต และสมองที่ปิดสวิตช์ไม่ได้

ฉันมารู้ทีหลังว่าฉันเป็นพวก High functioning anxiety and depression ฉันเริ่มมีอาการ แต่ยังทำงานได้ดีมาก แต่ตอนเย็นที่ฉันขับรถกลับบ้านฉันเริ่มร้องไห้เวลาฟังเพลง ในวันนั้นฉันไม่รู้จักอะไรเลยเกี่ยวกับสุขภาพจิตใจ (Mental Health)

ฉันเล่าให้โค้ชฟังว่าวันนี้ฉันขอบคุณแพนิคที่มาเตือนฉัน มาเป็น wake-up call ให้ฉันหันมาดูแลสุขภาพตัวเองด้วยความกลัวตาย 555

“Taking time for self-reflection and introspection allows us to address unresolved issues.”

จากหนังสือ When the Body Says No: The Cost of Hidden Stress – Gabor Mate

“If you don’t make peace with your past,

it will keep showing up in your present.

– Wayne Dyer

บางส่วนของบทสนทนาของฉันกับโค้ช

โค้ช: “เมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น คุณรู้สึกอย่างไร” เป็นผู้จัดการ เครียดลงกระเพาะ นอนไม่หลับ เริ่มปิดสวิตช์ความคิดไม่ได้ (สมองทำงาน 24 ชั่วโมงเหมือนร้าน 7-11)

ฉัน: Terrible แย่มาก

โค้ช:  รู้สึกอะไรอีกมั้ย

ฉันหยุดคิดสักครู่ จริง ๆ แล้ว ไม่เคยคิดถึงเลยว่ารู้สึกอย่างไร ไม่เคยเชื่อมต่อกับความรู้สึกของตัวเอง ใช้ชีวิตด้วยหัวอย่างเดียว

ฉัน: That’s suck! (หัวเราะ ที่พูดคำนี้ออกมาได้ในที่สุด ฉันบอกโค้ชว่าไม่เคยคิดมาก่อนว่าฉันรู้สึกอย่างไร)  สักพักฉันทำเสียงแบบ แหวะ พร้อมพูดออกมาว่า Lousy , Disgusting, Yuck!

แต่ละคำบอกว่ามันแย่จริง ๆ เป็นช่วงที่แย่สุด ๆๆๆ แต่ฉันต้องอดทน ฝืนทนทำต่อไปวันแล้ววันเล่า

ตอนที่เขียนนี้ ความรู้สึกที่ฉันพูดออกมานั้นเป็นสิ่งที่ร่างกายฉันพยายามบอกฉันมานาน และอธิบายได้ถูกต้อง เพราะฉันเป็นเครียดลงกระเพาะ รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียนแทบทุกวัน มัน Yuck กินอะไรไม่ลงเลย

ร่างกายของเราเก็บบันทึกและจดจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นจริง ๆ แบบในหนังสือ The Body Keeps the Score โดย Bessel van der Kolk 

โค้ช: ถ้าชีวิตช่วงนั้นเป็นหนังเรื่องหนึ่ง คุณจะตั้งชื่อเรื่องว่าอะไร

ฉัน: ภาพหนูถีบจักรผุดขึ้นมาทันที ถีบวนไปวนมา ไม่เคยหยุด ฉันตอบว่า Hamster Wheel และ Rat Race

โค้ชอธิบายว่าร่างกายของฉันไม่อยากจะ Burnout อีกครั้งเพราะว่ามันแย่มาก ๆ และกลัว และพยายามที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นอีก

เราใช้ EFT Tapping เคาะบำบัด เพื่อรับรู้ รับฟังความรู้สึกเหล่านี้ และเป็นกระบวนการย่อยสลายพลังงานที่ยังอยู่ในร่างกาย เพราะไม่เคยได้ผ่านกระบวนการย่อย แต่ถูกปิดกั้น เก็บกดเอาไว้ เทคนิคนี้ให้เสรีภาพให้อารมณ์ซึ่งเป็นมวลพลังงานที่ถูกปิดกั้นและยังอยู่ในร่างกายได้มีโอกาสเคลื่อนไหวตามธรรมชาติอย่างเสรี คล้ายคลื่น ที่จะค่อย ๆ สลายตัวลงไปเอง เพราะการปิดกั้นทำให้ระบบของเราติดขัด ร่างกายจึงรู้สึกอึดอัด หนัก แน่น ตึง และนำไปสู่ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจนั่นเอง

ฉันเริ่มเคาะตามจุดฝังเข็ม พร้อมพูดความรู้สึกนี้ออกมา

ฉันไม่อยากจะ burnout อีก ฉันกลัว เพราะมันทำให้ฉันไม่สบาย มันแย่มาก ๆ เลย และฉันยังรู้สึกได้ในร่างกายของฉัน

มันโอเคที่จะรู้สึกเช่นนี้

มันโอเคที่จะรู้สึกกลัว

มันโอเคที่จะหลีกเลี่ยง หรือ วิ่งหนี

 (ร่างกายของเรามีหลากหลายวิธีในการรับมือกับความกลัว ภัยคุกคาม อันตราย เช่น ฮึดสู้ วิ่งหนี และ สลบ)

บางทีฉันอาจะปล่อยความรู้สึก burnout นี้ออกไป

ฉันปล่อยความรู้สึกแย่ ๆ Yuck, Lousy, Terrible, Disgusting ออกไป (มันคืออาการ คลื่นไส้ อาเจียน จากความเครียดลงกระเพาะของฉันนั่นเอง)

ฉันอนุญาตให้ร่างกายของฉันปลดปล่อยความรู้สึกนี้ออกไป

ฉันอนุญาตให้ความรู้สึกนี้เคลื่อนที่ ไหลเวียน สลายตัวออกไปเอง

หลังเสร็จกระบวนการ Tapping แล้ว ฉันได้ยินเสียงเพลงจากภายในร้องว่า Feeling Good แทน Feeling Terrible and Yucky ในตอนแรก

ฉันบอกโค้ชว่าฉันเห็นภาพตัวเองเดินลงจาก Hamster Wheel และ Rat Race ฉันรู้สึกได้ว่าระบบในร่างกายของฉันช้าลง ตลอดชีวิตที่ผ่านมาฉันอยู่บนล้อนั้น ถีบจักร ปั่นจักร หมุนไปมา ไม่เคยหยุด ทุกอย่างเร่งรีบไปหมด เร็วไปหมด

ความคิดหมุนเร็ว จนฉันมึนหัว วิงเวียน

หายใจเหนื่อย หอบ เหมือนคนวิ่งหรือปั่นจักรอยู่ตลอดเวลา เพราะความเร่งรีบ ปั่นงาน ส่งงาน

และระบบประสาทอัตโนมัติที่ทำงานเหมือนใส่เกียร์ความเร็วสูงตลอดเวลา

ฉันหยุดรับรู้ความรู้สึกนี้ในร่างกาย slow down..เหมือนคนวิ่งเร็ว ๆ แล้วค่อย ๆ เดินช้าลง

จากนั้นโค้ชนำฉันทำ Guided Imagery Meditation พร้อม Tapping ในตอนจบ

Photo by Ricky Esquivel on Pexels.com

หลับตาแล้วนึกภาพหนูถีบจักร หมุนถีบไปเรื่อย ๆ (มิน่าล่ะ ตอนเป็นแพนิค รู้สึกเหมือนบ้านหมุน หัวหมุน วิงเวียนมากเลย เพราะมันหมุนทั้งวันทั้งคืนแบบนี้เอง)

จากนั้นล้อค่อย ๆ หมุนช้าลง ช้าลง จนหยุดอยู่กับที่ แล้วเจ้าหนูแฮมสเตอร์ตัวนั้น (ฉันในวันนั้นที่ทำงานเป็นหนูปั่นจักร วิ่งวนไปมากับงาน) ก็ลงจากจักร มองไปรอบ ๆ ตัว แล้วยิ้มออกมา (ตอนนี้ฉันหัวเราะเสียงดัง)

เจ้าหนูแฮมสเตอร์ตัวนั้นลงจากจักรแปลงร่างกลายเป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่งของฉัน (ฉันหัวเราะนานมาก)

และฉันก็ ว้าว ฉันไม่จำเป็นต้องติดแหง็ก ทนถีบจักรอยู่แบบนั้น ฉันสามารถลงจากวงล้อที่หมุนไปเรื่อย  ๆ แล้วออกไปเดินเล่นในสวนได้

ในสวนมีดอกไม้ ต้นไม้เขียว และผีเสื้อโบยบิน (เหมือนในเพลง “Feeling Good” ของ Michael Buble) เลย

และหนูถีบจักรตัวนั้นอยู่ในตึกมืด ๆ เหมือนคุกใต้ดิน

ส่วนตัวฉันเดินออกจากตึกนั้น เดินจากมาเรื่อย ๆ เดินไกลออกไป จนมาเจอแสงแดด และท้องฟ้าสดใส ต้นไม้เขียวชอุ่ม จนมาเจอสวน และนั่งพักที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง ฉันเหลียวมองไปรอบ ๆ และรู้สึกพึงพอใจ Content รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย สบาย ๆ

ฉันปิดตาลง นั่งพัก ได้ยินเสียงนกร้อง สายลมเย็นพัดผ่านใบหน้า แสงแดดอุ่น ๆ กระทบแขนของฉัน

ฉันนั่งพักอยู่ตรงนั้น โลกหมุนช้าลง ฉันสัมผัสได้ถึงความช้านี้ในร่างกาย ในสมองของฉัน ฉันรู้สึกสงบ นิ่ง

ฉันดื่มด่ำ เก็บความรู้สึกนี้ไว้ให้ร่างกายจดจำ บันทึกความรู้สึกนี้ไว้ให้ติดตัวฉันไปไม่ว่าจะยามทำงาน ยามพักผ่อน เป็นวิถีใหม่ในการใช้ชีวิตต่อไป

Oh, freedom is mine..

And I’m feeling good

I feel so good..

…to slow down

…to express my feelings

… to step out of the Hamster Wheel

… to step into a New Way of Living

เป็นของขวัญวันเกิดชั้นเยี่ยมให้ตัวเองในวันเกิดปีนี้

ขอบคุณตัวเองที่ใส่ใจดูแลสุขภาวะทางอารมณ์ของตัวเอง

ขอบคุณโค้ช และ EFT Tapping เทคนิคดี ๆ ง่าย  ๆที่ช่วยให้ฉันมีเครื่องมือและฝึกทักษะในการใส่ใจ ดูแลสุขภาวะของตัวเอง

หากใครอยู่ในภาวะหมดไฟ หรือ Burnout ลองดูวิดีโอ EFT Tapping เคาะบำบัดที่ฉันเคยทำเอาไว้ข้างล่างนี้ และว่าง ๆ ฉันจะทำเวอร์ชั่นที่ทำกับโค้ชนี้ออกมาเผื่อจะช่วยเยียวยา ฟื้นฟูจิตใจที่เหนื่อยล้า ความคิดที่ปิดสวิตช์ไม่ได้ และระบบประสาททำงานหนักตลอดเวลาจากภาวะ Burnout

Leave a comment