New Eyes to See…New Way to Live…
ปีใหม่ของฉันและอีกหลายคนอาจรู้สึกหนักอึ้งด้วยแรงกดดัน ความคาดหวังที่ฉันมักจะหยิบยื่นให้ตัวเอง
แรงกดดัน แรงผลักที่ออกจะเป็น Toxic Fuel ให้ฉันอยากจะปรับปรุง เปลี่ยนแปลงแก้ไขและลงมือวางแผน ทำอะไรมากมายทุกปี และทำให้ฉันหมดแรงตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้น รวมทั้งทำให้รู้สึกท่วมท้น และตามมาด้วยความรู้สึกผิดที่ทำไม่สำเร็จ
ฉันทำให้ชีวิตของฉันกลายเป็น Mega Projects ที่มีเป้าหมายและ deadline ที่ฉันต้องเร่งรีบ ทำให้เสร็จ และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยไม่รู้ตัว
ปีนี้บางทีฉันจะเริ่มต้นด้วยวิธีใหม่
บางทีฉันจะอนุญาตให้ตัวเองพักสบาย ๆ
ไม่รีบร้อนที่จะวางแผน
ไม่มีแผนอะไรแบบชัดเจน เป๊ะ ๆ ในใจ
แต่มีแนวทางที่ตั้งใจไว้เป็นเหมือนเข็มทิศนำทาง
หลังจากพักเต็มที่ ให้เวลาตัวเองทบทวนปีที่ผ่านมา ทำให้โล่ง เบา เห็นอะไรชัดเจนขึ้น
เข้าใจมากขึ้นว่าอะไรสำคัญ มีคุณค่ากับตัวเอง
และตัวเองต้องการอะไรกันแน่ในปี 2568 นี้
ที่แน่ ๆ ไม่ใช่ความสุขจากภายนอก ไม่ใช่ความสำเร็จจากภายนอก แต่เป็นความพอใจ สบายใจจากภายในมากกว่า
จากนั้นฉันก็จัดลำดับความสำคัญว่าจะใช้เวลา พลังงานไปกับเรื่องอะไรบ้างในปีนี้
จะ say Yes กับอะไรบ้าง
จะ Say No กับอะไรบ้าง และมีอะไรบ้างที่มาเบี่ยงเบน ความสนใจ เวลาและพลังงานของฉันให้ร่อยหรอ
และมีอะไรที่ฉันจะโฟกัส
เลยเป็นที่มาของโพสต์นี้
How we live our days is how we live our lives.
“เราใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างไรก็เป็นวิธีที่เราใช้ชีวิตของเรานั่นเอง” — ANNIE DILLARD
“Your future is shaped by the choices you make today.”
“อนาคตของคุณถูกสร้างจากสิ่งที่คุณตัดสินใจเลือกและทำในวันนี้”
Grace is a way to go…
ปีนี้ตั้งใจไว้ว่า ธีม ของปีนี้คือ Grace
Grace หรือ พระคุณ พระเมตตา ที่พระเจ้ามีให้เราอย่างเหลือล้น ให้โอกาสใหม่เสมอ แทนการลงโทษ ตัดสิน เป็นความรักที่พระเจ้ามอบให้เรา
หลายปีก่อน พระเจ้าถามฉันว่า เราใจดีเสมอ แล้วจอยล่ะ จะใจดี Be Kind กับตัวเองได้มั้ย จะให้ Grace กับตัวเองแบบที่พระเจ้าให้ฉันได้มั้ย
พระเจ้าให้ Grace กับเรา และอยากให้เราเรียนรู้ที่จะหยิบยื่น Grace ให้กับตัวเอง จริง ๆแล้ว Grace ที่พระเจ้าให้เรานั้นมาจากความรักที่พระเจ้ามีให้เรา คล้ายกับ Grace แบบ Grace Period หรือระยะเวลาผ่อนผัน เวลาเจ้าหนี้อย่างธนาคารหรือบัตรเครดิต ผ่อนผัน ผ่อนปรน ยืดเวลาชำระหนี้ให้โดยไม่ต้องถูกลงโทษด้วยการจ่ายดอกเบี้ยเพิ่ม
ให้ Grace Period กับตัวเอง ด้วยการยืดเวลาให้ตัวเองรู้สึกสบาย ๆ ไม่เร่งรีบ กดดันตัวเองว่าจะต้องทำให้เสร็จเร็ว ๆ
Grace หยิบยื่นความใจดี เมตตาให้ตัวเอง โดยเฉพาะในยามยากลำบาก เจอปัญหา ท้อใจ
Grace เวลาที่ทำไม่ได้ตามแผน เวลาที่ทำอะไรแล้วยังไม่สำเร็จ ยังไม่เห็นผล
Grace หยิบยื่นความใจดี เมตตาให้คนอื่น
ปีนี้ฉันเลยตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยความใจดี ละมุนละม่อมกับตัวเอง และในทุกสิ่งที่ทำ
บางทีปีนี้ No Rush แต่ คงที่ สม่ำเสมอทุกวัน
บางทีปีนี้ไม่ต้อง Perfect แต่ Progress แบบ ก้าวเล็ก ๆ สม่ำเสมอ
จะได้ไม่เหนื่อย หมดแรง burnout ระหว่างปี
“Slow and Steady wins the race”
บางทีปีนี้ Less is more..
บางทีปีนี้ฉันจะเลือกทำน้อยลง แต่โฟกัส มากขึ้น และใส่ใจ ลึกซึ้ง ดื่มด่ำกับปัจจุบันที่อยู่ตรงหน้า กับการใช้ชีวิตในแต่ละวัน ในแต่ละนาที เพิ่มคุณค่า คุณภาพ
เรียกว่า Deepening และ Enriching
อันนี้แหละเรียกว่า Rich และ Abundant Life
บางที มากขึ้น ไม่ได้หมายความว่าดีขึ้น
บางทีความสุขและความพอใจกับสิ่งที่มีอยู่ กับที่ที่คุณอยู่ กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า กับสิ่งที่คุณเป็นในวันนี้ก็เพียงพอแล้ว
บางทีมุมมองความคิดนี้อาจช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับชีวิตมากขึ้น ช่วยให้จิตใจคุณเบาสบายขึ้น
เรียกว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีกว่าเยอะเลย
Allowing Life to unfold..
เรามักจะวางกรอบให้ชีวิต ต้องเป็นแบบนี้แบบนู้น โดยไม่รู้ตัว
บางที เส้นทางชีวิตไม่ใช่เส้นทางการแข่งขันที่ต้องต่อสู้ ต้องไปให้ถึงจุดหมายแต่เป็นการเปิดรับ น้อมรับ แบบ allowing อนุญาตให้ชีวิตค่อย ๆ unfolding ค่อย ๆ เปิดเผยให้เราเห็นโอกาส ความเป็นไปได้ วิถีใหม่ ๆ เส้นทางใหม่ ๆ เรียกว่าไหล flow ปรับเปลี่ยน ยืดหยุ่นได้ วิธีนี้อ่อนโยน ละมุนละม่อมกว่าเยอะเลย
ทั้งหมดนี้เป็นแนวทาง เข็มทิศ คร่าว ๆ ของปีนี้ ที่เหลือไม่ได้กำหนดอะไรไว้ตายตัว
เขียนไว้เตือนใจตัวเองเมื่อปีนี้ค่อย ๆ unfold เปิดเผยเรื่องราวออกมาทีละวัน ทีละตอน
16 ก.พ. 2568