โควิด ก็หยุดรักของพ่อไม่ได้   EP.1

เยียวยาความเศร้าโศกและผลกระทบจากเหตุการณ์สะเทือนใจสูญเสียสามีกระทันหัน

My passionate Love is stronger than death and the grave,

My unrelenting fire of love over you will stop at nothing!

ในขณะที่สถานการณ์โควิดเริ่มเข้มข้นขึ้น จู่ ๆ หนูก็มีอาการแพนิค แบบจู่โจม ทันที แต่แพนิคคราวนี้มีอาการประหลาด คือหายใจหอบเหนื่อย หัวใจก็เต้นแปลก ๆ เกิดอะไรขึ้น?

ช่วงที่โลกสะดุดกึก อยู่กับบ้านหยุดเชื้อ อยู่ ๆ พี่แสนดีที่รู้จักมานานที่เชียงใหม่ ส่ง Easter Meditation มาให้ คำพูดของพระเยซูฉากสุดท้ายของชีวิต “ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย” นี้แหละที่อธิบายโลกภายในของหนูช่วงโควิดได้ดีที่สุด แถมคำถามให้คิดใคร่ครวญก็เป็นคำถามที่ลึกซึ้งโดนใจ เป็นคำถามที่หนูคงไม่กล้าถาม แต่ที่เค้าบอกว่า ถ้าเราถามถูกคำถามก็จะได้คำตอบ อันนี้ใช่เลย

Q 1: คุณกล้าบอกพระเจ้าหรือไม่ว่าคุณรู้สึกถูกทอดทิ้ง ต้องเผชิญความทุกข์คนเดียว คุณ เคยรู้สึกเช่นนั้นเมื่อใด?                                                                                                  อืม…ตอนไหนนะที่หนูรู้สึกทุกข์ เจ็บปวดเดียวดาย ถูกทอดทิ้ง ไม่มีคนเข้าใจ ไม่เห็นอนาคต?  

ให้คร่ำครวญร่วมกับพระเยซู และบอกพระบิดาว่าคุณรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างไร

บางที ชีวิตที่ถูกบังคับให้เดินช้าลงในช่วงโควิด ทำให้มีเวลาหยิบสมุด เขียนบันทึก พรั่งพรูความในใจ คุยกับพระเจ้าพระบิดา หรือ “พ่อจ๋า” ของหนูว่า ”หนูกลัว แพนิคครั้งนี้ หนูหายใจไม่เต็มปอด เหนื่อย มึนหัว หนูรู้สึกโดดเดี๋ยว พ่ออยู่ไหนเวลาที่หนูมีอาการแบบนี้ หนูกลัวว่าจะเป็นอะไร? หนูมีอาการโรคหัวใจ?  โรคปอดรั่วที่เคยเป็นกระทันหันเมื่อปี  2012 ? หรือหนูเป็นโควิด? ถ้า…เป็น…แล้วจะทำยังไงดี… ค่ารักษา..

โทรไปหาคุณหมอจิตแพทย์ที่น่ารัก ก็งดตรวจ มีออกตรวจอีกทีสองเดือนหน้า จะไปโรงพยาบาลก็กลัวติดโควิด เฮ้อ Easter ปีนี้ โลกของหนูเหมือน “ถูกทอดทิ้ง” จริง ๆ

จากนั้นพ่อก็เริ่มตอบหนูด้วยการให้หนูรู้ปัญหา Healing the Impact of Trauma

วันหนึ่งหนูเข้าร่วม  Zoom meeting ข้ามโลกไปอเมริกา เป็นสัมนาฟรีออนไลน์ ในระหว่างที่ฟังคุณลุงคุณป้าเล่าประสบการณ์ ภาวะสะเทือนใจอย่างรุนแรง (Post-traumatic stress disorders) และพูดถึงความสะเทือนใจ (Trauma) ว่าเป็นความรู้สึกตกใจหรือสั่นสะเทือนขวัญที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อจิตใจเป็นเวลานาน เหตุการณ์สะเทือนใจนั้นอาจเป็นอะไรก็ได้ที่ทำให้ชีวิตตกอยู่ในอันตราย หรือรู้สึกว่ากำลังถูกคุกคาม เช่น เสียคนรัก คนในครอบครัว เสียสัตว์เลี้ยง ตกงาน ออกจากงาน เสียบ้าน จากอุบัติภัย หรือ จากการสูญเสียรายได้ ป่วยด้วยโรคร้ายแรง (ตัวเอง หรือคนรัก คนในครอบครัว)

เป็นครั้งแรกที่หนูรับรู้ว่าอาการแพนิคคราวนี้เหมือนถูกกระตุ้นจากผลกระทบจากเหตุการณ์สะเทือนใจในอดีต เลยส่งข้อความไปว่า คิดว่ามีปัญหา PTSD คุณลุงให้อีเมลติดต่อทันที

ในระหว่างอธิษฐานเยียวยาบาดแผลทางจิตใจ (Trauma) มีอธิษฐานขอให้พระเจ้าปลุกความทรงจำ Wake Up Memory เสียงนั้นดังมากในความรู้สึกหนู แต่ที่แปลกใจคือหนูเริ่มนึกถึงภาพความทรงจำในอดีตได้ขณะพูดคุยกับพระเจ้าผ่านคำถามข้างล่างนี้

เช้าวันหนึ่งระหว่างอ่านบทอธิษฐานร่วมกับพระเยซูบนไม้กางเขนและคำถามสุดท้ายก่อนสิ้นใจ พระเยซูพูดว่า “พระบิดา ข้าพระองค์ขอฝากวิญญาณจิตของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์”

Q: คุณรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับความตาย ความตายของคุณ และความตายของคนที่คุณรัก?  หนูไม่ชอบคำถามนี้เลย แต่ตอนที่ฮันนี่สุดที่รักของหนูตาย หนูมีคำถามมากมายในหัวใจ

ตอนนั้นหนูก็ยังไม่เข้าใจหรอกนะ ตอนเขียนนี่แหละเริ่มจะเข้าใจว่าทำไมหนูถึงคิดอะไรไปไกลขนาดนั้นเมื่อได้ยินเจ็บป่วย ข่าวร้ายของโควิด ความตาย การสูญเสีย

จากนั้นพ่อก็เริ่มปฏิบัติการฟื้นฟูแผลทางจิตใจและผลกระทบจากเหตุการณ์สะเทือนใจในอดีต

เหตุการณ์ เสียฮันนี่สุดที่รัก

พ่อให้หนูนึกถึงภาพฮันนี่นั่งอยู่บนตัก หลังจากได้ยินเสียงปังดังมากในห้องน้ำ วิ่งไปเค้าล้มนั่งทรุดที่พื้น ระหว่างที่รอรถพยาบาล ความตกใจกลัว อกสั่น ขวัญหาย แบบทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น การรอคอยที่ยาวนาน และจบลงที่คุณหมอบอกว่า “คนไข้เสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาล”  ภาพงานศพ ความรู้สึกในช่วง 3 เดือนแรกที่เสียสามี

วันนั้นในปี 2006 กับวันนี้ 2020 มันคล้ายกันนะ โควิดจำลองประสบการณ์ของเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง วันนั้นหนูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หนูเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนของชีวิต อนาคตจะเป็นอย่างไร แล้วชีวิตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร New normal life ที่ไม่มีฮันนี่อยู่ หนูรู้สึกว่าหนูไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย แล้วหนูจะต้องทำยังไง

หนูร้องไห้บอกพ่อจ๋า ปลอบใจหนูตอนนั้นด้วย และพ่อก็เยียวยาเด็กคนนั้นที่ตกใจ ช็อคค้างอยู่ในโหมดนั้นตั้งแต่ปี 2006

จากนั้นหนูได้คิวพบคุณหมอจิตแพทย์ที่อธิบายให้หนูเข้าใจว่าโควิดเต็มไปด้วยการตาย สูญเสีย เลยกระตุ้นอาการหนูได้เพราะหนูเคยสูญเสียตกใจกระทันหัน แล้วก็ให้ยาหนูมาทาน แต่ความรักของพ่อไม่หยุดแค่นั้น

Blessed are those who mourn, for they will be comforted.

ผู้ใดโศกเศร้า ผู้นั้นก็เป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับการปลอบประโลม

                              

เยียวยาความเสียใจจากการสูญเสีย

อีกครั้งที่ได้คุยกับคุณลุงคุณป้าที่อเมริกา หนูบอกเค้าว่าเหมือนพระเจ้าพูดถึงความเศร้าโศกเสียใจ (Grief) ลึก ๆ ที่ยังหลงเหลืออยู่ คุณลุงอธิษฐานอวยพรจากหัวใจของพ่อที่แสนดี คำพูดที่เต็มไปด้วยความรักและหวังดีนั้นปลดล็อกหัวใจหนูแบบเขื่อนแตก หนูนั่งซบหน้าร่ำไห้ต่อหน้าพ่อเป็นครั้งแรกกับความทุกข์ เศร้า สับสน จากวินาทีตกใจจนถึงช่วงเวลาที่ต้องปรับตัวหลังผ่านเหตุการณ์เลวร้าย (Aftermath) ของการสูญเสียคนรัก สุดท้ายหนูระเบิดคำหนึ่งออกมาทั้งเสียงสะอื้นจากหัวใจของเด็กคนหนึ่งที่ไม่เคยพูดคำนี้ได้ คำสั้น ๆ คือ “หนูเสียใจ” ที่คนที่หนูรักมากจากไปกระทันหัน

ตอนที่เขียนนี้หนูนึกถึงตอนพระเยซูไปที่เกทเสมนี พระองค์เริ่มโศกเศร้าและทุกข์ใจอย่างยิ่ง  “ใจของเราเป็นทุกข์แทบจะตาย จงอยู่ที่นี่และเฝ้าระวังกับเรา” พระเยซูเป็นมนุษย์ที่เข้าใจความทุกข์โศกของเรา ใช่มันเป็นโมเมนท์ที่โดดเดี่ยวเหมือนหุบเขาลึกที่หนูต้องเดินผ่านคนเดียวกับพ่อเพื่อเริ่มกระบวนการเสียใจและทุกข์โศกจากการสูญเสียจนได้รับการปลอบใจจากพ่อ เหมือนอย่างที่พระเยซูทำ โดยมีคุณลุงคุณป้านั่งเคียงข้างหนูผ่าน Skype ก่อนจากกันคืนนั้นคุณลุงบอกให้หนูเขียน Gratitude Journal ขอบคุณพระเจ้าสำหรับฮันนี่ของหนู 30 วัน หนูก็ทำตามนะ แม้จะไม่เข้าใจ…

Turning Grief into Gratitude

วันหนึ่งพี่ที่เจียงใหม่เอาการ์ตูนนี้ให้หนูดูจะได้สอนหลานให้รู้วิธีจัดการอารมณ์ แต่กลายเป็นว่านี่มันใช่หนูเลย

การ์ตูนนี้พ่อใช้เพื่อบรรยายความรู้สึกของหนูเมื่อนานมากแล้วที่หนูฝังไว้ลึกมากในก้นบึ้งหัวใจ แต่พ่อรู้ และไม่ลืม แม้หนูเองก็มีกลไกการเผชิญปัญหาโดยหลีกเลี่ยง ปิดประตูหัวใจ ความทรงจำ ความคิดที่เกี่ยวข้องกับแผลทางจิตใจ จนหนูเหมือนลืมไปเลย

หนูนั่งคุยนั่งร้องไห้กับพ่อผ่านการ์ตูนนี้และการเขียนบันทึกขอบคุณพระเจ้าสำหรับฮันนี่ของหนู

และพ่อก็นั่งฟังว่าหนูเสียใจอย่างไร คิดถึงเค้าอย่างไร หนูเคยทำอะไรบ้างกับเค้า ผ่านการเขียน Gratitude Journal ขอบคุณพระเจ้าทุกวันสำหรับฮันนี่ 30 วันตามที่คุณลุงแนะนำหนู ระหว่างที่เขียนนั้นหนูจำสิ่งมากมายดี ๆ ได้ แทนโหมดที่ค้างนิ่งในความคิดหนูคือสูญเสีย เศร้าเสียใจ

หนูก็คิดเองสรุปเองว่า     ทำไมหนูต้องเสียใจขนาดนั้น การที่หนูเศร้ามาก ๆ เป็นอะไรที่ไร้เหตุผล

หนูร้องไห้สามปี จนเจอพระเจ้าในปี 2009        จำได้ว่าหนูบอกพระเจ้าว่าพระองค์เอาสามีที่รักและเพื่อนสนิทหนูไปแล้ว มาเป็นเพื่อนสนิทหนูด้วย

จากนั้นมีคนบอกหนูว่าพระเจ้ารักเราแบบสามี     ในใจหนูก็เหมือนเด็กน้อยในการ์ตูนนี้เลย หนูไม่ต้องการ หนูต้องการสามีสุดที่รักที่จากไป

จากวันนั้นพระองค์เป็นเพื่อนสนิทที่พยุงเด็กน้อยที่นั่งร้องไห้เหมือนเด็กหลงทางให้ลุกขึ้นมา

หนูยกอดีต ให้พระเยซู ตรึงไว้บนไม้กางเขน

แล้วเดินหน้าไปอนาคต

หนูไม่อยากนึกถึง มันนานมากพอแล้ว

พอหนูบอกพ่อว่า ฮันนี่ที่หนูรัก ตายแล้ว

พ่อพูดคำว่า ช็อค พ่อรู้ได้งัยนะ นั่นคือสิ่งที่เกิดกับหนู       จำได้ว่าหนูถามคุณหมอว่าจริงเหรอค่ะ

ใช่ พ่อรู้ว่าหนูช็อค ตกใจแพนิค ทำอะไรไม่ถูก มึน งง

เป็นเรื่องปกติ ที่หนูจะเสียใจเมื่อคนที่เรารักจากไป พ่อเป็นความรัก พ่อสร้างหัวใจหนูมาให้รัก เจ็บปวด เสียใจ สำหรับพ่อมันไม่ไร้สาระ พ่อรู้และแคร์ความรู้สึกของหนู

แล้วหนูพูดกับพ่อว่างัยรู้มั้ย

พ่อจ๋า หนูเสียใจที่ฮันนี่จากหนูไปก่อน

หนูเสียใจที่เค้าจากไปก่อนเวลาที่สมควร

เค้าเป็นคนที่หนูรักมาก ๆ

เค้าเป็นสามีสุดที่รักและเพื่อนสนิทของหนู เค้าเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่พ่อให้หนูเลย ขอบคุณนะค่ะพ่อ

นี่คือของขวัญ Easter 2020 ที่พ่อให้หนูมีประสบการณ์กับความรักที่เยียวยา รื้อฟืนหัวใจที่แตกสลายจาก Power of Redemptive Love ที่ไม้กางเขน

วันนี้หนูพบความรักของพ่อที่ลึกลงไปอีกชั้นหนึ่งของหัวใจหนู แต่ว่ายังมีลึกกว่านั้นอีกนะ แล้วหนูจะเล่าให้ฟัง

  • รูปภาพจาก How to Talk so Kids will Listen and Listen so Kids will talk by Adele Faber and Elaine Mazlish

One Comment Add yours

  1. คืออะไร

    Like

Leave a comment