พลังความรักเหนือความกลัว (ตาย)
ไม่นานหลังจากวาเลนไทน์ปีที่แล้ว โควิดทำให้ฉันเกิดอาการแพนิค กลัวตาย จนฉันตัดสินใจเผชิญหน้ากับความกลัวที่เป็นยักษ์ในชีวิตมานาน ในช่วงนั้นมี webinar เกี่ยวกับความกลัวมากมาย ฉันได้รู้จัก Dr. Grant Mullen กับโปรแกรม “Free Your Mind” ที่เน้นการรักษาสุขภาพจิตใจ เค้าอธิบายให้ฟังว่า “ความรู้สึกกลัวเป็นประสบการณ์ในวัยเด็กที่เราเรียนรู้ และเกิดจากเหตุการณ์น่ากลัว และถูกจัดเก็บไว้ในความทรงจำ” จากนั้นก็มีคำถามให้ฉันไปนั่งคุยกับพระเจ้า
Q: อธิษฐานถามพระเจ้าว่ามีเหตุการณ์ใดบ้างที่ ความกลัวเข้ามาในชีวิตคุณ
Q: คุณกลัว วิตกกังวลเรื่องอะไรบ้าง
หลังจากนั่งคุยนั่งเขียนกับพระเจ้าเรื่องความกลัวของฉัน แทนการวิ่งหนี ฉันก็เริ่มเห็นรูปแบบความกลัวในหัวของฉัน และจุดเริ่มต้นของความรู้สึกกลัวที่ยังอยู่ในใจ
กลัวเลือด และกลัวแม่ตาย
ในระหว่างอ่านบทภาวนาอีสเตอร์ ปี 2020 ที่พี่แสนดีที่เจียงใหม่ส่งมา ภาพพระเยซูบนไม้กางเขนเต็มไปด้วยเลือดจากหนัง The Passion เป็นภาพที่ฉันปิดตา ไม่ชอบเลย ไม่กล้าดู กลัว อยู่ ๆ พระจ้าให้ฉันนึกถึงตอนเด็ก แม่มีเลือดพุ่งกระฉูดจากเส้นเลือดขอดที่ขา ทำให้เด็กคนนี้กลัวเลือด และกลัวว่าแม่ตายมาตลอด มิน่าในวัยที่แม่อายุมากแล้วและนอนติดเตียง ฉันจึงเครียดในการดูแลแม่เพราะ ความรู้สึกกลัวแม่ตายอยู้ลึก ๆ ในใจ ฉันจึงเปิดหัวใจให้พ่อเข้ามาปลอบใจ และเยียวยา พ่อบอกว่าเห็นมั้ยวันนี้แม่อายุจะ 80 ปีแล้ว ไม่เป็นอะไร ยังอยู่ น่าประหลาดใจที่ฉันคลายความเครียด กังวลลงไป เดี๋ยวนี้เวลาที่แม่ไอ สำลัก ฉันไม่สะดุ้งตกใจกลัวอีกแล้ว
กลัวเจ็บป่วย กลัวเป็นอะไร กลัวไม่มีเงินรักษา กลัวตาย
ฉันมักจะสติแตกคิดไปไกล คิดกลัวว่าจะเกิดอะไรเลวร้าย แย่ ๆ ที่เรียกว่า Catastrophic thinking นั้นมีที่มาจากประสบการณ์ในอดีต
- ป๊าฉันป่วยหนัก
- สามีหัวใจวายตายกระทันหัน
- ฉันเป็นปอดรั่วกระทันหัน ผ่าตัดใหญ่
เมื่อเข้าใจที่มาที่ไปและเริ่มเห็นต้นตอก็นำไปสู่การเยียวยา
เยียวยา หัวใจที่ตกใจกลัว
ภาพการ์ตูนเด็กหญิงที่เต่าตาย แล้วมีพ่อนั่งปลอบใจ จบลงที่ภาพพ่อโอบหลังเด็กน้อยแล้วเดินไปข้างหน้าด้วยกัน ติดตาติดใจฉัน แม้จะผ่านไปสองอาทิตย์แล้ว ฉันเล่าให้พี่แสนดีที่เอาการ์ตูนนี้ให้ฉันดูฟัง พี่เค้าจึงให้ฉันอธิษฐานถามพระเจ้าว่ามีเหตุการณ์สูญเสียไหนบ้างที่พ่ออยากจะปลอบใจเด็กคนนั้น
ตอนฉันอยู่มัธยมปลาย ป๊าไม่สบาย ฉันรู้ว่าเหตุการณ์นั้นเขย่ารากฐานในชีวิตให้สั่นคลอน และเป็นจุดเริ่มต้นของความกลัวและวิตกกังวล ขณะเล่าให้พี่แสนดีฟัง พ่อก็พาฉันกลับไปสู่ความรู้สึก กลัว ของเด็กคนนั้นที่ไม่รู้จักพระเจ้า
ฉันร้องไห้โฮกับพ่อ โดยมีพี่แสนดีนั่งฟังผ่านไลน์
…หนูกลัว กลัวพ่อตาย พ่อจะเป็นอะไรมั้ย
…หนูไม่รู้ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร แล้วใครจะส่งเสีย เลี้ยงดูหนู แล้วหนูจะทำอย่างไรดี
…หนูกลัวการเจ็บป่วย กลัวตาย เวลามีอาการอะไรนิดเดียว ฉันจะคิดไปไกลว่าจะป่วยหนักมั้ย (เหมือนป๊า) จะมีค่ารักษาพยาบาลมั้ย (ป๊าหมดเงิน และเสียธุรกิจจากการเจ็บป่วยครั้งนั้นและอีกหลายครั้ง)
นั่นคือจุดเริ่มต้น หรือประตูของความกลัวในหัวใจเด็กน้อย และในความคิด
รักของพ่อไหลลึกลงไปในหัวใจของเด็กน้อยในวันนั้น เมื่อกว่า 36 ปีที่แล้ว พ่อสัมผัสเยียวยาหัวใจของหนูตอนป๊าไม่สบาย พ่อปลอบใจหนูจากทุกความกลัวและความเสียใจและเดินกอดหนูให้ลุกไปข้างหน้ากับพ่อ “อย่ากลัวเลย เพราะพ่ออยู่กับหนูเสมอ”
พ่อจ๋ายังให้ฉันนึกถึง หนังสืออ่านนอกเวลาภาษาอังกฤษที่ฉันชอบมาก เรื่อง Daddy’s Long Legs ฉันอ่านเรื่องนี้ในช่วงที่ป๊าไม่สบายและมีปัญหาการเงิน ในเรื่องมีคุณพ่อขายาวเป็นคนใจดีส่งเสียเด็กหญิงกำพร้าในบ้านอุปถัมภ์เด็กให้มีโอกาสเรียนปริญญาตรี เด็กผู้หญิงคนนั้นฝันอยากเป็นนักเขียนและได้เรียนจบ ตอนนั้นฉันคิดในใจว่าอยากมี พ่อแบบนี้บ้างจัง พ่อจ๋าบอกฉันว่า นี่ไงเราเป็นพ่อคนนั้นที่หัวใจเด็กน้อยต้องการ เราเป็น Daddy’s Long Arms คุณพ่อแขนยาวที่คอยเอื้อมมือลงมาดูแลชีวิตฉัน ว้าว จริง ๆ ด้วย น่ารักที่สุดเลย ฉันลืมเรื่องนี้ไปนานมากแล้ว แต่พ่อไม่ลืม
ถ้าคุณรู้สึกกลัว วิตกกังวล รู้สึกถูกทอดทิ้ง เดียวดาย
มาหาพ่อสิ มาแบบเด็ก ๆ เพราะพระเจ้าอยากปลอบใจคุณ อยากสัมผัสหัวใจคุณ
บอกพระเจ้าสิว่า เข้ามาในหัวใจของคุณ ในความรู้สึก ในความคิด และในความทรงจำ
ทุกพื้นที่ของหัวใจ ทุกพื้นที่ของความรู้สึก กลัว วิตกกังวล สิ้นหวัง…. ทุกช่วงวัยของชีวิต
ขอพระเจ้าเปิดเผยว่ามีเหตุการณ์ใดที่พระองค์อยากจะเยียวยา ปลอบใจ
และบอกพระเจ้าแบบเด็ก ๆ ว่า พ่อจ๋าเข้ามากอดและปลอบใจเด็กคนนั้น
ถามพระเจ้าสิว่า
…อยากจะพูดอะไรกับเด็กคนนั้น
…อยากให้อะไรกับเด็กคนนั้น
…อยากเขียนอะไรลงบนหัวใจคุณ
…อยากร้องเพลงอะไรให้คุณฟัง
นี่แหละหัวใจรักของพ่อสำหรับคุณ