พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน

ยอมรับตัวเอง แทน เปลี่ยนแปลงตัวเอง จุดเปลี่ยนในชีวิตฉันเกิดขึ้นเมื่อฉันยอมรับตัวเอง รวมทั้งปัญหาสุขภาพจิตใจที่เป็นอยู่ และค้นพบว่าเมื่อฉันไม่พยายามที่จะหายดี ฉันกลับหายดีเร็วขึ้น เมื่อฉันไม่พยายามลดน้ำหนัก ฉันผอมลง และเมื่อฉันรักตัวเอง ฉันมีพลังมากขึ้นที่จะทำสิ่งดี ๆ ให้ตัวเอง แทนการทำร้ายตัวเองโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะ ไม่ชอบตัวเอง อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะนั่นกลายเป็นการปฏิเธธตัวเองโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นแรงต้าน แรงถ่วง แรงกดดันที่ทำให้รู้สึกแย่กับตัวเอง จนติดอยู่อยู่ในวงจรของความท้อใจ “เมื่อคุณไม่รู้สึกดีเกี่ยวกับตัวเอง คุณจะไม่เคยรู้สึกดีกับอะไรในชีวิตเลยสักอย่าง แม้แต่ความสำเร็จของคุณ” ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง ยอมรับตัวเอง = พลังเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ยั่งยืน แรงจูงใจด้านลบ เพราะไม่ดี พอ จึงอยาก..เลยกลายเป็นแรงกดดัน แรงต้าน ขัดขวาง ไม่ชอบเลย อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง   ถ้าเราเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างแรก โดยลึก ๆ ในใจมาจากความรู้สึกไม่พอใจ ตำหนิตัวเอง ขัดแย้งกับตัวเอง เราจะไม่มีความสุข จนกว่า ….. แรงจูงใจด้านบวก ดีพอแล้ว พอใจแล้ว ตั้งแต่เริ่มต้น เป็นแรงส่งให้ออกตัวได้ไกล ไร้แรงต้านทาน ไร้ขีดจำกัด…

เข้าใจรากลึก ๆ ของความวิตกกังวล

บนเส้นทางการต่อสู้กับปัญหาสุขภาพจิตใจ ความวิตกกังวล เครียด กลัวและแพนิคของฉันนั้น ฉันได้ค้นพบรากลึก ๆ ของปัญหาต่าง ๆ ที่สะสมจนกลายเป็นปัญหาสุขภาพจิตใจ วันหนึ่งฉันเล่าให้เพื่อนที่เป็นโค้ชฟังว่าเพิ่งไปทำกิจกรรมวาเลนไทน์กับเด็ก ๆ มา ทุกคนแฮปปี้หมด แต่ฉันกลับไม่แฮปปี้เท่าไร ที่จริงแล้วทุกครั้งที่ฉันทำงาน หรือทำอะไรก็ตาม ฉันมักจะรู้สึกกระวนกระวายใจ เครียด  กลัวว่าจะทำงานเสร็จไม่ทัน กลัวจะทำผิดพลาด กลัวว่าจะทำได้ไม่ดี ฉันเลยพยายามหนักมาก ใช้เวลาในการทำงานจนดึกดื่นเพื่อให้งานออกมาดี ฟังดูแล้วก็เป็นคุณสมบัติที่ดี นะ work hard แต่วันนั้นโค้ช แค่ถามว่าทำไม เลยเปิดประเด็นให้ค้นหา ถามตัวเองว่านั่นสิ ทำไม อะไรที่ทำให้ฉันต้องพยายามหนักมากไปทุกเรื่อง ทั้งการทำงาน และแม้แต่จัดปาร์ตี้วาเลนไทน์ ตั้งคำถามกับตัวเอง สาเหตุลึก ๆ ที่เป็นตัวผลักดันให้ฉันทำงานหนัก เพราะลึกลงไปในใจ ฉันคิดว่าฉันยังไม่ดีพอ ยังไม่เก่งพอ เลยต้องพยายามมากขึ้น ทำมากขึ้น เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองดีพอ เก่งพอ นั่นคือ ความรู้สึกว่า “ยังไม่….พอ” หรือที่เรียกว่า ความละอายใจ (SHAME) นั่นเอง  ความรู้สึกนี้ยังเป็นแรงกดดันให้ฉันกลายเป็นคนบ้างาน (workaholics)…

พระเจ้ารักฉันมั้ย????????????? ฉันเป็นซึมเศร้า วิตกกังวล

วันหนึ่งระหว่างคุยกับคุณหมอจิตแพทย์ผู้น่ารักของฉัน ฉันบอกคุณหมอว่า “ไม่ชอบเลยเวลาที่เครียด วิตกกังวล หงุดหงิด หรือ ท่วมท้น อยากจะหาย ไม่อยากเป็นแบบนี้เลย ต้องทำยังไงบ้างค่ะ หนูจะเชื่อฟัง ทำตามทุกอย่างเลย” คุณหมอนิ่งไปสักพักแล้วถามว่า “คุณจอยคิดว่าพ่อ (พระเจ้าพระบิดา) ยังรักคุณจอยมั้ยเวลาที่คุณจอยเป็นแบบนั้น” ฉันนิ่งไปสักพัก แล้วอึ้งไปกับคำตอบที่พระเจ้าพูดกับฉัน พ่อชอบสอนฉันผ่านเด็ก ๆ หนูดีเป็นเด็กแถวบ้านที่ชอบมาเล่นกับฉัน วันหนึ่งพ่อของหนูดีมาตามเธอกลับบ้านไปกินข้าว เธองอแงไม่อยากกลับ บ่นกับพ่อว่าหนูไม่อยากกลับๆๆ แต่คุณพ่อของหนูดีนั้นไม่ว่าอะไรเลย ยืน อดทน รออย่างใจเย็นมาก ๆ ส่วนฉันก็พยายามหาวิธีปลอบใจเด็กน้อย จนในที่สุดหนูดีก็อารมณ์เย็นลง และยอมกลับไปโดยดี พ่อบอกฉันว่ารักของพ่อนั้น อดทนนาน ใจเย็น อ่อนโยน แบบนั้นแหละแม้ในยามที่ฉันมีปัญหาสุขภาพจิตใจ พ่อก็ยังรักฉันเสมอ จำได้มั้ยว่า เวลาที่หลานตัวเล็กของฉันงอแงเพราะหิว ง่วง เปียก หรือ ฟันขึ้น ฉันทำอย่างไร ใจเย็น กล่อมจนหลานหลับไป นั่นแหละภาพที่พระเจ้ารักฉันแบบนั้นเหมือนกัน แม้ฉันจะโตแล้วก็ตาม “แม่ปลอบโยนลูกน้อยอย่างไร เราก็จะปลอบโยนเจ้าแบบนั้น เมื่อทารกนอนดูดนมจากอกแม่ จนอิ่มอกอิ่มใจ สงบ หายงอแง…

วิธีรับมือความกลัว วิตกกังวล

รู้จักความกลัว 2 ประเภท 1. ความกลัวที่ดี (Healthy Fear) หรือปัญหาจริง ความกลัวประเภทนี้เกิดจากภัยคุกคามจริง และจะหายไปเมื่อผ่านพ้นไป ความกลัวเป็นเหมือนรั้วป้องกัน เพื่อปกป้องเรา ไม่ใช่รั้วขวางกั้น หรือขังเราไว้ ความกลัวไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีเสียทีเดียว เราถูกสร้างมาให้มีความกลัว เพื่อปกป้องเราจากอันตราย จะได้ระมัดระวัง หลีกเลี่ยงอันตราย โดยเฉพาะตอนเด็ก ๆ เราจะเรียนรู้วิธีจัดการกับความกลัวจากพ่อแม่ ครู และช่วงวัยเด็ก การจัดการกับความกลัว รวมทั้งการวิตกกังวลเป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องพัฒนา เพื่อไม่ให้ขี้กลัวจนเกินไป หรือ ท่วมท้น เช่น กลัวการข้ามถนน ขึ้นบันได และเรียนรู้จากพ่อแม่ว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะปลอดภัย หรือกังวลว่าจะสอบตก ก็จะทำให้เรารู้จักที่จะเตรียมตัวก่อนสอบ หรือ กลัวตกเครื่องบิน ก็จะทำให้เราเตรียมตัวก่อนออกเดินทาง 2. ความกลัวที่ไม่ดี (Unhealthy Fear) หรือความกลัวที่คิดไปเอง  มักจะเป็นความคิดกลัวที่คิดล่วงหน้าไปเอง คิดว่าจะมีเหตุร้าย ภัยคุกคาม เกิดขึ้น โดยยังไม่ได้อยู่ในสถานการณ์จริงแต่เป็นการคาดการณ์แบบติดลบ เช่น กลัวเจ็บป่วย กลัวอุบัติเหตุ กลัวตกเครื่องบิน กลัวล้ม กลัวว่าจะเกิดขึ้นอีก โดยทั่วไปมักจะกลัวจนกว่าความคิดว่าจะมีภัยคุกคาม…

รักษาปัญหาจิตใจแบบองค์รวมกับพระเจ้า

Body, Soul, and Spirit ฉันมีอาการเครียดจากการทำงานมานานหลายปี จนปี 2543 ฉันถูกวินิจฉัยว่ามีอาการแพนิค ที่มาจากวิตกกังวลและซึมเศร้า พอทานยาก็อาการดีขึ้นมาก ต่อมาในปี 2552 ฉันเสียสามีกระทันหันจนเศร้าโศก สิ้นหวัง ตอนนั้นยาก็ไม่ช่วยอะไร วันหนึ่งฉันท่องอินเทอร์เน็ตและพบคำอธิษฐานสำหรับคนเป็นโรคซึมเศร้า ฉันอธิษฐานสุดหัวใจจากใจที่สิ้นหวัง ท้อแท้ เช้าวันรุ่งขึ้นอาการฉันดีอย่างอัศจรรย์และเริ่มมีประสบการณ์รู้จักพระเจ้ามากขึ้น จากที่สิ้นหวัง ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ ก็ลุกขึ้นมาก้าวเดินต่อไปได้ เรียกว่าพระคุณ ความรักของพระเจ้าให้ชีวิตใหม่กับฉันจริง ๆ เป็นครั้งแรกที่ฉันมีสันติสุขในใจที่โลกนี้ให้ไม่ได้ อาการต่าง ๆ หายไป มีความสุข ยิ้มได้ นอนหลับ รวมทั้งความเศร้าโศกจากการสูญเสียก็ได้รับการปลอบใจ ผ่านไปนานหลายปี จนวันหนึ่งใน ช่วงปลายปี 2561อยู่ ๆ ฉันกลับมีอาการแพนิคอีก รีบวิ่งไปหาหมอด้วยความกลัวและตกใจ แพนิคครั้งนี้มีประสบการณ์แล้ว หลังจากครั้งแรกถูกวินิจฉัยผิดว่าเป็นโรควูบ หาหมอหัวใจ คราวนี้คุณหมอส่งฉันไปหาหมอหูคอจมูก แต่ทานยาแล้วไม่ดีขึ้น ฉันจึงพาตัวเองไปพบคุณหมอจิตแพทย์  คุณหมอผู้น่ารักของฉันเป็นคริสเตียนด้วยเลยคุยกันได้ทุกเรื่อง วันหนึ่งระหว่างไปหาหมอที่โรงพยาบาล ฉันรู้สึกน้อยใจ และสงสัยว่าทำไมพระเจ้าไม่รักษาฉันแบบครั้งแรก แล้วทำไมฉันกลับมาเป็นอีกในขณะที่คิดแบบนั้นอยู่ในใจ ฉันได้ยินพ่อพูดกับฉันว่า ฉันแสวงหา healing หรือ…

Power of Love that casts out Fear

พลังความรักเหนือความกลัว (ตาย) ไม่นานหลังจากวาเลนไทน์ปีที่แล้ว โควิดทำให้ฉันเกิดอาการแพนิค กลัวตาย จนฉันตัดสินใจเผชิญหน้ากับความกลัวที่เป็นยักษ์ในชีวิตมานาน ในช่วงนั้นมี webinar เกี่ยวกับความกลัวมากมาย ฉันได้รู้จัก Dr. Grant Mullen กับโปรแกรม “Free Your Mind” ที่เน้นการรักษาสุขภาพจิตใจ เค้าอธิบายให้ฟังว่า “ความรู้สึกกลัวเป็นประสบการณ์ในวัยเด็กที่เราเรียนรู้ และเกิดจากเหตุการณ์น่ากลัว และถูกจัดเก็บไว้ในความทรงจำ” จากนั้นก็มีคำถามให้ฉันไปนั่งคุยกับพระเจ้า Q: อธิษฐานถามพระเจ้าว่ามีเหตุการณ์ใดบ้างที่ ความกลัวเข้ามาในชีวิตคุณ Q: คุณกลัว วิตกกังวลเรื่องอะไรบ้าง หลังจากนั่งคุยนั่งเขียนกับพระเจ้าเรื่องความกลัวของฉัน แทนการวิ่งหนี ฉันก็เริ่มเห็นรูปแบบความกลัวในหัวของฉัน และจุดเริ่มต้นของความรู้สึกกลัวที่ยังอยู่ในใจ กลัวเลือด และกลัวแม่ตาย ในระหว่างอ่านบทภาวนาอีสเตอร์ ปี 2020 ที่พี่แสนดีที่เจียงใหม่ส่งมา ภาพพระเยซูบนไม้กางเขนเต็มไปด้วยเลือดจากหนัง The Passion เป็นภาพที่ฉันปิดตา ไม่ชอบเลย ไม่กล้าดู กลัว อยู่ ๆ พระจ้าให้ฉันนึกถึงตอนเด็ก แม่มีเลือดพุ่งกระฉูดจากเส้นเลือดขอดที่ขา ทำให้เด็กคนนี้กลัวเลือด และกลัวว่าแม่ตายมาตลอด มิน่าในวัยที่แม่อายุมากแล้วและนอนติดเตียง ฉันจึงเครียดในการดูแลแม่เพราะ ความรู้สึกกลัวแม่ตายอยู้ลึก…

 โควิด ก็หยุดรักของพ่อไม่ได้   EP.1

เยียวยาความเศร้าโศกและผลกระทบจากเหตุการณ์สะเทือนใจ – สูญเสียสามีกระทันหัน My passionate Love is stronger than death and the grave, My unrelenting fire of love over you will stop at nothing! ในขณะที่สถานการณ์โควิดเริ่มเข้มข้นขึ้น จู่ ๆ หนูก็มีอาการแพนิค แบบจู่โจม ทันที แต่แพนิคคราวนี้มีอาการประหลาด คือหายใจหอบเหนื่อย หัวใจก็เต้นแปลก ๆ เกิดอะไรขึ้น? ช่วงที่โลกสะดุดกึก อยู่กับบ้านหยุดเชื้อ อยู่ ๆ พี่แสนดีที่รู้จักมานานที่เชียงใหม่ ส่ง Easter Meditation มาให้ คำพูดของพระเยซูฉากสุดท้ายของชีวิต “ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย” นี้แหละที่อธิบายโลกภายในของหนูช่วงโควิดได้ดีที่สุด แถมคำถามให้คิดใคร่ครวญก็เป็นคำถามที่ลึกซึ้งโดนใจ เป็นคำถามที่หนูคงไม่กล้าถาม แต่ที่เค้าบอกว่า ถ้าเราถามถูกคำถามก็จะได้คำตอบ อันนี้ใช่เลย Q 1: คุณกล้าบอกพระเจ้าหรือไม่ว่าคุณรู้สึกถูกทอดทิ้ง…

ภาษา (รัก) ปลดล็อกปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว

ตอนเด็กฉันตกหลุมรักภาษาอังกฤษจากเพลงและหนัง เลยฝันอยากมีแฟนเป็นฝรั่ง พอโตขึ้นฉันก็พบรักกับหนุ่มต่างชาติจริง ๆ  แต่กลายเป็นแขกอินเดียนะ คู่รักต่างชาติอย่างเราก็มีปัญหาคุยกันไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจบ้าง ฉันมักจะงอนฮันนี่ของฉันเพราะเค้าฟังสำเนียงภาษาอังกฤษแบบไทย ๆ ของฉันไม่รู้เรื่อง (สักที) แล้ววันหนึ่งฉันก็มีโอกาสได้รู้จัก ภาษารัก ฉันจึงเริ่มเข้าใจปัญหาที่แท้จริงของเราสองคน เฮ้อ รู้งี้เอาเวลาไปเรียนภาษารัก แทน ภาษาอังกฤษตั้งนานแล้วดีกว่า ภาษารักคืออะไร สำคัญอย่างไร ความรักก็มีภาษาในการสื่อสารนะ เรียกว่า ภาษารัก เราแต่ละคนล้วนมีภาษารักที่แตกต่างกัน ภาษาที่คุณใช้ในการแสดงความรักอาจแตกต่างจากภาษาของอีกฝ่าย เหมือนพูดกันคนละภาษา คนนึงพูดภาษาไทย แต่อีกคนพูดภาษาอังกฤษ เลยไม่เข้าใจกัน ทั้งที่อีกฝ่ายก็พยายามที่จะทำดีที่สุด แต่อีกฝ่ายก็ไม่เคยรับรู้ถึงความรักนั้นเลย ถังรักของเราจึงว่างเปล่า เราต้องเรียนรู้ที่จะรู้จักภาษารักของกันและกันจะได้แสดงความรักได้ถูกต้องตามที่อีกฝ่ายต้องการ   ภาษารัก 5 ภาษา 1.  คำพูด         2.     เวลาคุณภาพ       3    ของขวัญ          4   ทำบางสิ่งบางอย่างให้          5.  สัมผัสทางกาย ภาษารักกับชีวิตคู่ หลังแต่งงานฮันนี่ไม่ค่อยได้บอกรักฉันเหมือนก่อนแต่ง  แต่ว่าฉันชอบให้ฮันนี่บอกรักบ่อย ๆ โดยไม่เคยเบื่อเลย ฮันนี่ชอบพูดว่า…

Let’s Talk about Love

วาเลนไทน์ไม่ใช่สำหรับคู่รักเท่านั้นนะ มารู้จักความรัก 5 ประเภท ขอพูดถึงความรักเนื่องในโอกาสวันแห่งความรัก หน่อยนะ ตอนวัยรุ่นก็จะนึกถึงแต่รักแบบคนมีคู่ มีแฟน พอไม่มีก็รู้สึกเหี่ยวเฉาในวันวาเลนไทน์ หลังผ่านฤดูกาลของชีวิตมาหลายซีซั่น ฉันก็เข้าใจความรักในมุมมองใหม่ เรามีถังรักในหัวใจ วันหนึ่งฉันได้ยินเป็นครั้งแรกว่า หัวใจของเราถูกออกแบบมาให้ต้องการความรัก เป็นเรื่องปกติที่เราโหยหาต้องการความ รัก ต้องการความใกล้ชิดสนิทสนม ต้องการมีความสัมพันธ์กับผู้อื่น ก็เพราะเราถูกสร้างมาพร้อมกับถังรักนั่นเอง “ภายในจิตใจของเด็กทุกคนมี ‘ถังเปล่า’อยู่ใบหนึ่ง รอคอยที่จะได้รับการเติมเต็มด้วยความรัก เมื่อเด็กรู้สึกว่าเป็นที่รัก ก็จะเติบโตขึ้นโดยมีพฤติกรรมปกติ แต่ถ้าถังบรรจุรักนั้นว่างเปล่า เด็กก็จะเริ่มทำตัวไม่ดี ส่วนใหญ่ความประพฤติที่ไม่ดีของเด็กจะมีสาเหตุมาจากความรู้สึกโหยหาที่เกิดจากการที่ ‘ถังบรรจุรัก’ นั้นว่างเปล่า” ดร. รอส แคมพ์เบลล์ จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่น กล่าวไว้ รักคือ… ความรักคือการรับและให้ ไม่ใช่แค่การให้ฝ่ายเดียว โดยไม่หวังผลตอบแทน ความสัมพันธ์ที่ดีต้องอยู่บนพื้นฐานของการให้และรับจากทั้งสองฝ่าย เพื่อให้ความสัมพันธ์นั้นเติบโต ยั่งยืน และได้รับความสุขความพอใจทั้งผู้ให้และผู้รับ ถ้าคุณเป็นผู้ให้ฝ่ายเดียววันหนึ่งถังรักของคุณก็จะว่างเปล่าจนไม่เหลือที่จะให้ใครอีกเลย ในแต่ละฤดูกาลของชีวิต บางครั้งคุณอาจเป็นผู้ให้ แต่อย่าลืมที่จะเป็นผู้รับ หรือหาวิธีดูแลเติมถังรักของคุณให้เต็มด้วยนะ ต้นรัก 5 ประเภท ที่หัวใจเราต้องการ ตอนวัยรุ่นฉันก็เหมือนเด็กสาวทั่วไปที่โหยหาความรักแบบโรแมนติก จนลืมให้ความสำคัญกับความรักในรูปแบบอื่น หลายปีก่อน ฉันได้ฟังเรื่องเกี่ยวกับความรักประเภทต่าง…

ไม่อยากอารมณ์เสีย ก็ต้องรู้ว่าอารมณ์ดีอย่างไร

อารมณ์ เป็นตัวขัดขวางทำให้เราหกล้ม หรือ เป็นตัวช่วยให้เราก้าวสู่ความสำเร็จในชีวิต?กันแน่? อารมณ์มีชื่อเสียงไม่ค่อยดีนัก “ลูกผู้ชายอย่าร้องนะ อายคน หรือ เป็นผู้หญิงอย่าโกรธนะ ไม่น่ารัก” คำพูดเหล่านี้ทำให้ฉันมองอารมณ์ไม่ดีเท่าไรนัก คิดว่าเป็นตัวทำให้หกล้ม ต้องหลีกเลี่ยง เลยกันอารมณ์ออกไปจากชีวิต แล้วปิดฝาอารมณ์ไว้แน่น ไม่ให้แสดงออกมา จนนานไปก็ขาดการเชื่อมต่อกับความรูสึกที่แท้จริงของตัวเอง   วันนี้อยากแชร์ความจริงเกี่ยวกับอารมณ์ที่ฉันคิดว่าถ้ารู้ตั้งแต่แรกคงจะดี จะได้ไม่ต้องเสียเวลา เสียสุขภาพ และเสียความสุขไแต่ว่าบนเส้นทางนี้แหละที่เป็นประตูให้ฉันอยากรู้จักและเข้าใจปัญหาอารมณ์ของตัวเอง แต่สิ่งที่ฉันค้นพบก็คือ เปิดประตูหัวใจ เปิดฝาอารมณ์ให้แสดงความรู้สึกออกมา จะช่วยย่อยสลายอารมณ์ให้กลับมาอารมณ์ดีได้  แทนที่จะเก็บไว้ในใจ จนกลายเป็นผลร้ายกับสุขภาพของตัวเอง และคนรอบข้าง จากที่คิดว่าตัวเองมีปัญหาอารมณ์ กลายเป็นว่าอารมณ์สำคัญนะ พลังบวกของอารมณ์ที่คนไม่ค่อยรู้จักกัน อารมณ์ เป็นข้อมูล บอกให้เรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในใจ  เมื่อเราหยุด และใส่ใจกับอารมณ์ และ ความรู้สึกทั้งบวกและลบที่เกิดขึ้น เราจะได้ข้อมูลอินไซด์ ที่จะช่วยให้เราใช้อารมณ์ทั้งบวกและลบอย่างฉลาดเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายในชีวิต แทนที่จะขัดขวางเรา อารมณ์เป็นส่วนสำคัญในชีวิต และเป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกภายใน หรือ ตัวตนที่แท้จริง อารมณ์เป็นหน้าต่างของหัวใจที่จะเชื่อมต่อให้คุณรู้จักตัวเอง รู้จักความต้องการ ความปรารถนา และความหลงใหล หรือ passion ของคุณ เมื่อเราปฏิเสธอารมณ์ ความรู้สึกในใจของตัวเอง…